/music/.mp3 http://www.watkaokrailas.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 พระบรมสารีริกธาตุ

 โจโฉ รวมเสียงธรรม

 เฟสบุ๊ค

 ติดต่อเรา-แผนที่

ประวัติพระภูมิเจ้าที่=คลิป

ประวัติพระภูมิเจ้าที่=คลิป
ข้อควรรู้เรื่องพระภูมิ











---ในกาลครั้งหนึ่ง มีกษัตริย์ผู้ครองกรุงพาลี ทรงพระนามว่า ท้าวทศราช มีพระมเหสีทรงพระนามว่า พระนางสันทาทุก  มีพระราชโอรส  9  พระองค์  มีปัญญาเฉียวฉลาด รอบรู้ในสิ่งต่าง ๆ  ยิ่งกว่าบุคคลทั้งหลาย


---พระองค์ที่     1        ทรงพระนามว่า  พระชัยมงคล


---พระองค์ที่     2        ทรงพระนามว่า  พระนครราช


---พระองค์ที่     3        ทรงพระนามว่า  พระเทเพล


---พระองค์ที่     4        ทรงพระนามว่า  พระชัยสพ


---พระองค์ที่     5        ทรงพระนามว่า  พระคนธรรพ์


---พระองค์ที่     6        ทรงพระนามว่า  พระธรรมโหรา


---พระองค์ที่     7        ทรงพระนามว่า  พระเทวเถรวัยทัต


---พระองค์ที่     8        ทรงพระนามว่า  พระธรรมมิกราช


---พระองค์ที่     9        ทรงพระนามว่า  ทาษธารา


---แต่ละพระองค์มีอิทธิฤทธิ์มาก ทรงมีพระปรีชาสามารถรอบรู้ในสิ่งต่างๆ เป็นอย่างดี ถ้าหากคิดว่าจะทำอะไร ก็จะต้องทำให้ได้ทุกอย่าง จะเป็นในทางสุจริตหรือทุจริตก็ทำได้ทั้งนั้น ทรงมีปัญญาแก้ไขในเหตุการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ครบทั้ง 9 พระองค์ โดยไม่มีใครเหลื่อมล้ำต่ำสูงกว่ากันเท่าใดนัก การเป็นอยู่พอๆ กันทั้งหมด




---ครั้นต่อมา พระโอรสทั้ง 9 พระองค์ ทรงเจริญพระชันษา พระราชาทศราชกับพระนางสันทาทุก ปรึกษาหารือกัน จนเป็นที่ตกลงกันว่า จะต้องมอบให้พระโอรสทั้ง 9 พระองค์ ไปปกครองเขตนิเวศสถานต่าง ๆ จึงมอบให้


---พระโอรสองค์ที่     1    พระชัยมงคล ไปครอบครองดูแล สถานบ้านเรือน และ โรงร้าน


---พระโอรสองค์ที่     2    พระนครราช ไปครอบครองดูแล ประตู ป้อม ค่าย บันได หอรบ


---พระโอรสองค์ที่     3    พระเทเพล ไปครอบครองดูแล คอกสัตว์ต่าง ๆ ที่มี


---พระโอรสองค์ที่     4    พระชัยสพ  ไปครอบครองดูแล ยุ้งฉางและเสบียงคลัง


---พระโอรสองค์ที่     5    พระคนธรรพ์  ไปครอบครองดูแล เรือนหอ และโรงพิธีแต่งงาน


---พระโอรสองค์ที่     6    พระธรรมโหรา  ไปครอบครองดูแล เรือกสวน ไร่นา และ โรงนา


---พระโอรสองค์ที่     7    พระวัยทัต  ไปครอบครองดูแล วัดวาอาราม และ ปูชนียสถาน


---พระโอรสองค์ที่     8    พระธรรมมิกราช  ไปครอบครองดูแล พืชพันธุ์ธัญญาหารต่าง ๆ


---พระโอรสองค์ที่     9    พระทาสธารา  ไปครอบครองดูแล ห้วยหนอง คลอง บึง บ่อ และ ลำธาร


---เมื่อมอบหมายหน้าที่ ให้ครบทั้ง 9 พระองค์แล้ว ท้าวทศราช ผู้ซึ่งมีจิตใจที่ผิดมนุษย์ธรรม สันดานโกง หยาบช้า ลามก เห็นแก่ได้ในสิ่งต่าง ๆ ด้วยความโลภไม่มีวันสิ้นสุด เที่ยวคดโกงรังแกชาวประชา ต่างได้รับความเดือดร้อนกันไปทั่วทุกมุมเมือง ยังใช้ให้พระโอรสทั้ง 9 พระองค์ กระทำการหยาบช้า โดยการเข้าไปสิงสู่ในผู้คน  แล้วก็เรียกร้องเครื่องสังเวยและสินบน คนละจำนวนมากๆ โดยที่ไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม จนชาวประชาเดือดร้อนเป็นอย่างหนัก แต่ก็พูดอะไรไม่ออก และไม่มีทางแก้ไข จึงปล่อยไปให้เลยตามเลย ต่างก็ไม่คิดที่จะแก้ไข เพราะหมดปัญญา หมดศรัทธา ต่อการกระทำของท้าวทศราช และ พระโอรสทั้ง 9 พระองค์ ที่มีใจฮึกเหิม เหี้ยมเกรียม กระทำย่ำยีจิตใจมนุษย์ทั้งหลาย ให้ตกอยู่บนกองทุกข์ ไม่เป็นอันที่จะทำมาหากิน เพราะหมดกำลังใจ ก่อนที่บ้านเมืองจะถึงกับความวิบัติล่มจมลงไป  เรื่องของเจ้ากรุงพาลีกลั่นแกล้งประชาชน จึงร้อนไปถึงพระนารายณ์ เห็นท่าว่าขืนปล่อยเอาไว้ บ้านเมืองก็จะพินาศล่มจม ด้วยใจที่สงสารประชาชน พระนารายณ์จึงต้องหาทางแก้ไขเป็นการด่วน คิดที่จะลงโทษและดัดสันดานของเจ้ากรุงพาลี พระนารายณ์จึงปลอมแปลงรูปกาย เป็นพราหมณ์ผู้มีศีล เหาะตรงลงมายังกรุงพาลี แล้วจึงเข้าเฝ้า ท่านท้าวทศราช ตามเจตนาที่คิดเอาไว้


---ส่วนเจ้ากรุงพาลี ท้าวทศราชและพระนางสันทาทุก เมื่อเห็นพราหมณ์มาเข้าเฝ้าก็มีความยินดี โดยที่มิได้รู้กลลวงของพระนารายณ์ จึงทักทายปราศรัยด้วยไมตรี  ฝ่ายพราหมณ์ปลอมได้โอกาส จึงกราบทลูขอที่ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยบำเพ็ญตบะ จากท้าวทศราช 3 ก้าว เจ้ากรุงพาลีมิได้ระแวงอะไร จึงตอบตกลงอนุญาตให้กับพราหมณ์นั้น เมื่อได้โอกาสพราหมณ์จำแลง ก็ขอให้ท้าวทศราชหลั่งน้ำอุทกธารา เพื่อให้มีสิทธิ์ตามคำดำรัส ท้าวทศราชก็มิได้ขัดเคืองแต่ประการใด สั่งอำมาตย์นำสิ่งของที่ต้องใช้ ในการหลั่งน้ำอุทกธาราเตรียมมาให้พร้อม เมื่อได้ของต้องประสงค์แล้ว ท่านท้าวทศราชก็จัดทำพิธีหลั่งน้ำอุทกธารา เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยให้กับพราหมณ์ ตามความประสงค์  ทรงถือน้ำเต้า กำลังจะเทน้ำออกมา ร้อนถึงพระศุกร์ ผู้เป็นอาจารย์ของท้าวทศราช รู้ในเหตุการณ์ดีว่า พระนารายณ์จะดัดสันดานเจ้ากรุงพาลี จึงเนรมิตตนเองให้เล็กลง แล้วเข้าไปนอนขวางอยู่ในรูพระเต้า เพื่อมิให้ท้าวทศราชหลั่งน้ำอุทกธาราออกมาได้


---เมื่อเจ้ากรุงพาลีเทน้ำ จะเทอย่างไรน้ำก็ไม่ไหลออกมา จึงสร้างความสงสัยให้กับพระนารายณ์เป็นยิ่งนัก ว่าทำไมน้ำอุทกธารา จึงไม่ไหลออกมาตามปกติ พระนารายณ์จึงเพ่งฌานดู จึงรู้ว่าพระศุกร์แกล้งเข้าไปนอนขวางอยู่ในพระเต้าน้ำนั้น พระนารายณ์จึงเก็บเอาหญ้าคา ยอนแยงเข้าไปในรูพระเต้า เดชะบังเอิญหญ้าคาแทงเข้าไปถูกลูกนัยน์ตาของพระศุกร์ ได้รับความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส พระศุกร์หมดความอดทน จึงเหาะหนีออกไปจากพระเต้าน้ำนั้น น้ำก็ไหลออกมาตามความต้องการของพระนารยณ์ จึงเป็นการสำเร็จในการหลั่งน้ำอุทกธารา เพื่อให้เป็นที่อยู่ของพราหมณ์ เมื่อหลั่งน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระนารายณ์จึงกลับกลายร่างเป็นพระนารายณ์เหมือนเดิม ใช้อภินิหารของพระองค์ทำการก้าวย่างลงไป บนพื้นแผ่นดินของกรุงพาลี ได้เพียง  2  ก้าวเท่านั้น ก็หมดสิ้นเขตพระธรณีของกรุงพาลี


---ท้าวทศราชเห็นดังนั้น ตกพระทัย ตะลึงถึงกับเสียพระทัยเป็นอย่างหนัก ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เสียรู้หลงกลพระนารายณ์ ตัวสั่นงันงก ก้มลงกราบไหว้ทลูขอว่า  จงอย่าขับไล่พระองค์ไปจากที่นี่เลย ขอเพียงให้มีที่อยู่อาศัยบ้างตามแต่จะทรงเมตตา แม้แต่จะอ้อนวอนอย่างไรก็ไร้ผล พระนารายณ์ทรงไม่ฟังเสียง เพราะต้องการที่จะดัดสันดาน ให้รู้ถึงบาปบุญคุณโทษ และจะได้รู้สำนึกผิดที่ตนเองได้กระทำให้ราษฎร ได้รับความเดือดร้อนกันทั่วทุกมุมเมือง ด้วยใจโหดเหี้ยมอำมหิต โดยที่ไม่มีจิตเมตตากรุณาแต่ประการใด มิได้เห็นถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น จึงเข้าทำนองที่ว่า “เนื้อของเขาจะกิน แต่เนื้อของตัวกลัวเจ็บ”  พระนารายณ์จึงขับไล่เนรเทศครอบครัวของท้าวทศราชเจ้ากรุงพาลีทั้งหมด


---ในบรรดากลุ่มของเจ้ากรุงพาลีทั้งหมด ต้องทนทุกข์ อดๆ อยากๆ มีแต่ความลำบากยากแค้นแสนสาหัส จึงนั่งจับกลุ่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ อย่างน่าเวทนาเป็นยิ่งนัก เมื่อได้รับความลำบากยากแค้นเกิดขึ้นกับตนเอง จึงสำนึกได้ว่า การกระทำย่ำยีกลั่นแกล้งผู้อื่น ให้ได้รับความเดือดร้อนนั้นเป็นอย่างไร ก็คงไม่ผิดอะไรไปกว่าที่พวกตนเองได้รับอยู่ในขณะนี้ เมื่อคิดเห็นในการกระทำของตนเองแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความเสียใจกันอย่างหนัก ต่างก็คิดว่าไม่ควรที่จะกระทำเช่นนั้นเลย เพราะมันเป็นบาปกรรมอย่างมหาศาล จึงต้องพากันมารับความทุกข์ยากลำเค็ญลำบากลำบนเป็นที่สุด ไม่มีข้าวจะกิน ไม่มีผ้าจะนุ่งห่ม ต้องเอาใบไม้ใบตองมานุ่งห่มแทนเสื้อผ้า ไม่มียารักษาโรค


---เมื่อเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา ต้องเก็บเอารากไม้ใบไม้สมุนไพรแทนยารักษาโรค ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ต้องใช้พื้นดินเป็นบ้าน ป่าไม้ร่มใบบังเป็นหลังคา ต้องใช้หญ้าแพรกแทนพรมปูนอน ต้องใช้ท่อนไม้แทนหมอนหนุนหัว ใช้แสงดาวเดือนที่สว่างจ้าแทนโคมไฟ  ครอบครัวของเจ้ากรุงพาลีตัดสินใจทนความหน้าด้าน พากันเข้าเฝ้าพระนารายณ์ เพื่อทูลขอแผ่นดินกลับคืนมาบ้าง ท่านท้าวทศราชผู้เป็นเจ้ากรุงพาลีเมื่อในอดีต ก็พาบริวารขึ้นไปเข้าเฝ้าพระนารายณ์ทันที กราบทูลพระนารายณ์ตามตรงว่าสำนึกผิดแล้ว ขอประทานอภัยโทษ ขอที่ดินกลับคืน เพื่อให้มีที่อยู่อาศัยด้วยเถิด พระนารายณ์เห็นสภาพเช่นนั้น ก็ให้มีจิตคิดสงสาร จึงทรงอนุญาตให้กลับมาอยู่ในกรุงพาลีได้เหมือนอย่างเดิม แต่จะไม่ยกแผ่นดินให้ทั้งหมด ให้ปักเสาลงดินได้เพียงเสาเดียว แล้วก็ต้องคอยดูแลความเรียบร้อย อาคาร บ้าน เรือน และสถานที่ต่าง ๆ ให้แก่ประชาชน อยู่กันอย่างมีความร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป


---พระภูมิเจ้ากรุงพาลี ให้คำมั่นสัญญากับองค์พระนารายณ์เป็นอย่างดี และจะมีความซื่อสัตย์สุจริตจงรักภักดี ให้ความคุ้มครองดูแล เคหะสถานบ้านเรือนและสถานที่ต่าง ๆ โดยจะไม่มีการบิดพลิ้วแต่ประการใด ด้วยสัจจะวาจา และถ้าหากผู้ใดมีใจปรารถนา ที่จะให้ช่วยคุ้มครองดูแลในสถานที่ใด ก็ขอให้ตั้งศาลไว้ในสถานที่นั้น  ใช้เสาเพียงต้นเดียว ดังคำสัญญาที่ตกลงกันนี้ ใช้ผ้าแพร 3  สี ผูกประดับที่ศาล มีเครื่องสังเวยมาบวงสรวง ทำการเช่นนี้มาถวาย จุดธูปเทียน ดอกไม้บูชาบอกกล่าว  หรือจะบนบานอย่างไร ก็ตามแต่ใจคิดและปรารถนาเท่านั้น ก็จะได้ช่วยคุ้มครองดูแล เคหะสถาน บ้านเรือน ร้านค้าหรือโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ หรือกิจการใดๆ ให้มีความเจริญงอกงาม ลาภหลั่งไหลมาเป็นเนืองนิตย์ ศัตรูหมู่มารพ่ายแพ้หลีกหนี พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บและเรื่องเลวร้ายทั้งปวง


---พระนารายณ์ฟังคำมั่นสัญญา จากท้าวทศราชแล้ว ก็เห็นว่าคำพูดมีน้ำหนัก และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอันมาก จึงทรงอนุญาตให้กลับเข้าไปเฝ้าอยู่ตามสถานที่ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของแต่ละพระองค์ ดังที่ได้แบ่งเป็นหน้าที่และเขตปฏิบัติการนั้นไว้ตั้งแต่ต้น นับตั้งแต่นั้นมา ประชาชนก็มีความร่มเย็นเป็นสุขสืบต่อกันมา ตั้งแต่บรรพบุรุษมาจนกระทั่งถึงลูก หลาน เหลน โหลน และตราบจนกระทั่งจนถึงทุกวันนี้ ตลอดไปจนถึงอนาคตกาลภายหน้า


---เมื่อเราท่านทั้งหลาย ได้ทราบประวัติ ความเป็นมาของท่านท้าวทศราช เจ้ากรุงพาลี พระภูมิเจ้าที่กันดังนี้แล้ว ถ้าหากว่าจะมีการปลูกบ้าน ร้านค้า โรงงาน หรือ  สถานที่ต่าง ๆ แล้ว ก็ควรจะต้องตั้งศาลพระภูมิให้เป็นที่ถูกต้อง มีการเซ่นไหว้ ถวายเครื่องสังเวยต่าง ๆ โดยต้องแบ่งแยกกันเป็นระยะ ที่องค์พระภูมิท่านจะเสวยมังสวิรัติ  หรือเนื้อสัตว์ ของสด ของคาว ก็สุดแท้แต่กำหนดการของท่าน จุดธูปเทียนบูชา ดอกไม้ ให้เป็นสิริมงคล ความสมบรูณ์พูนผลก็จะเกิดขึ้น ลาภผลหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ทำให้กิจการรุ่งเรืองเจริญก้าวหน้าวัฒนาถาวรยิ่ง ๆ ขึ้นไป.....








......................................................................................






ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล

รวบรวมโดย...แสงธรรม

อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 29 กันยายน 2558

แก้ไขแล้ว ป.
 
 

Tags :

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

*

*

view

ประวัติต่างๆ

ประวัติวัดเขาไกรลาศ

ประวัติของหลวงพ่อเทียน=คลิป

มาเช็คชื่อ-เช็คสกุลกันดีกว่า=คลิป

ประวัติพระอธิการชิติสรรค์ จิรวฑฺฒโน=คลิป

ขอเชิญผู้ร่วมบุญสร้างอาศรมเสด็จปู่พระบรมพรหมฤาษีไตรโลก

ประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร

ประวัติฝ่าพระหัตถ์ของพระพุทธองค์

ประวัติของนางวิสาขา=คลิป

ประวัติของอนาถปิณฑิกเศรษฐี=คลิป

ประวัติของเศรษฐีขี้เหนียว

ประวัติเหตุทำบุญที่ช้า=คลิป

ประวัติของผู้ร่วมบุญ=คลิป

ประวัติของพระไตรปิฎก=คลิป

ประวัติการสร้างพระพุทธรูปและพระเจ้า ๕ พระองค์

ประวัติง้วนดิน

ประวัติปู่ฤาษีนารอท

ประวัติพระปางมหาจักรพรรดิ์ ทรงปราบพระเจ้ามหาชมพูบดี

ประวัตินางห้าม..แห่งขอมโบราณ

ประวัติพญานาค

ความรู้และรายละเอียดพุทธเจดีย์

พระมหาโพธิสัตว์

สาระธรรม

ธรรมะส่องใจ

อานิสงส์แต่ละอย่าง

ประเพณีต่างๆ

ตำนานทั่วไป

สาระน่ารู้

ปกิณกะธรรม

วัตถุมงคล-สาระอื่นๆ

ข้อมูลทั่วไป

ปฎิทิน

« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      

สมาชิก

ลืมรหัสผ่าน?
สมัครสมาชิก

สถิติ

เปิดเว็บ20/06/2011
อัพเดท04/08/2023
ผู้เข้าชม6,585,996
เปิดเพจ10,326,455
สินค้าทั้งหมด8

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 พระบรมสารีริกธาตุ

 โจโฉ รวมเสียงธรรม

 เฟสบุ๊ค

ติดต่อเรา-

view