อานิสงส์สร้างเวจกุฏี
(ห้องน้ำ)
---ใจความว่า พระศาสดาได้เสด็จประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร แห่งกรุงสาวัตถี มีมาณพคนหนึ่งเป็นช่างทองทำการขายทองรูปพรรณอยู่ในกรุงสาวัตถีนั้น จนมั่งมีโภคทรัพย์สมบัติมาก อยู่มาวันหนึ่งมาณพนั้นมาคิดว่า เราค้าขายทองก็มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ ทรัพย์ที่หามาได้โดยยาก ก็ไม่อยากจะให้สูญหายไปโดยเร็ว ตริตรองหาวิธีที่จะเก็บทรัพย์ให้ได้อยู่นาน ก็ไม่พบวิธีที่จะป้องกันความเสื่อมเสียของทรัพย์ได้ เพราะว่าทรัพย์เป็นของกลาง เป็นเครื่องอาศัยของคนทุกคน สุดแล้วแต่ใครจะขยันหมั่นเพียรหามาได้เท่านั้น
---ถึงแม้จะหามาได้มากก็ดี ถ้าขาดปัญญาเป็นเครื่องรักษาทรัพย์แล้ว ทรัพย์นั้นก็ไม่คงทนอยู่ได้ แม้จะอยู่ได้ตลอดไป ตนเองก็มีชีวิตยืนนานที่จะบริโภคต่อไปไม่ได้ เพราะความตายย่อมมาพรากตนให้หนีไปเสียจากทรัพย์เมื่อสิ้นชีพแล้วทรัพย์เหล่านั้นก็ไม่ติดตามตนไป ปล่อยไว้ให้คนอื่นเขาใช้สอยอย่างสบาย เห็นมีอยู่แต่อย่างเดียวเท่านั้น ที่จะติดตามตัวไปในอนาคต คือฝังทรัพย์ไว้ในพุทธศาสนา เมื่อคิดเช่นนี้แล้วก็คิดดูว่าจะทำอะไร สิ่งอื่น ๆ ก็มีผู้ทำไว้หมดแล้ว ก็เห็นแต่เวจกุฎีเท่านั้นที่ยังไม่มีใครทำเลย
---เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว จึงได้สร้างขึ้น เมื่อสำเร็จแล้ว ยังได้สร้างโรงไฟ แลที่สำหรับอาบน้ำอีกด้วย เมื่อเสร็จสรรพดีแล้ว ก็ทำการฉลองอย่างมโหฬารและมอบถวายแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นประธาน แล้วตั้งปฏิธานความปรารถนาว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เมื่อข้าพเจ้ายังไม่ถึงพระนิพพานตราบใด ขึ้นชื่อว่า ความทุกข์อันเกิดแต่โรคต่าง ๆ อย่าได้มาแผ้วพาน ต่อข้าพเจ้าเลย อิมินาทาเนน
---ด้วยอำนาจผลทานนี้ พระสารีบุตรก็อนุโมทนาว่า ขอให้ความปรารถนาจงเป็นผลสำเร็จเถิด มาณพนั้นเป็นผู้ไม่ประมาทผลทานให้สมาทานศีล ครั้นทำกาลกิริยาตายไปแล้ว ไปเกิดบนสวรรค์เทวโลก มีสมบัติวิมานทอง มีเทพอัปสรเป็นยศบริวาร อยู่มาวันหนึ่งภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนาถึงมาณพผู้นั้นอยู่ พระศาสดาเสด็จมาถึงในที่นั้นแล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลายเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบ
---พระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนา แก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นรชนทั้งหลายเกิดมาได้พบพระพุทธเจ้าและในขณะที่พุทธศาสนายังประดิษฐานอยู่ จะเป็นผู้เศร้าโศกในอบายภูมิ เป็นจำนวนมาก มาณพที่เป็นช่างทองนี้ได้พบทั้งสองประการแล้วไม่เป็นผู้ประมาท ได้สร้างเวจกุฎีถวายบูชาพระรัตนตรัยด้วยศรัทธาเลื่อมใส ได้เสวยสุขในสุคติโลกสวรรค์ และเป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพาน
---แม้ในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ตัณหังกร เราตถาคตก็เคยสร้างเวจกุฎี และที่สำหรับอาบแก่พระภิกษุสามเณรได้ตั้งสัตยธิษฐานว่า ขอให้ข้าพระองค์ได้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง ในอนาคตกาล ด้วยผลแห่งอานิงส์ที่ข้าพระองค์ได้สร้างเวจกุฎีให้เป็นสาธารณะทานนี้ ตถาคตครั้นทำลายขันธ์แล้ว ก็ไปบังเกิดในสวรรค์เสวยทิพย์สมบัติอยู่ชั้นดุสิต ครั้นจุติจากชาตินั้นแล้ว ได้ท่องเที่ยงอยู่สังสารวัฎฎ์จนบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว จึงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ตถาคตนี้เอง ก็สมดังคำปรารถนาในกาลครั้งโน้นทุกประการ เมื่อจบพระธรรมเทศนาจบลงแล้วชนทั้งหลายเป็นอันมากได้ดวงตาเห็นธรรม ต่างก็รื่นเริงบันเทิงใจในเวจกุฎีเป็นยิ่งนัก.
........................................................
ติดต่อรับบุญได้ที่ 085-3717244. หรือ 083-3122-944. 087-7529-251.
โอนปัจจัยเข้าบัญชีท่านเจ้าอาวาส
ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาอู่ทอง
เลขที่บัญชี 725-0-25792-7
ชื่อบัญชี พระชิติสรรค์ จิรวฑฺฒโน (จักกภูมิ)
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 28 กันยายน 2558
แก้ไขแล้ว ป.
0 ความคิดเห็น