เจดีย์ และสถูปสำคัญเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า
---กราบบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันเป็นสรณที่พึ่งอันสูงสุด
---ขอโอกาสนำข้อมูลของเจดีย์ และสถูป สถานที่อันควรสักการบูชาสำคัญเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า และอานิสงส์การสร้างเจดีย์ (โดยย่อ)
---"...เจดีย์ และสถูป..." มีความหมายว่า ...สิ่งก่อสร้างซึ่งก่อไว้สำหรับเป็นที่เคารพนับถือเช่น บุคคล สถานที่ หรือวัตถุที่ควรเคารพบูชา... เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้เกิดศรัทธาและกุศลธรรมอื่นๆ "...เจดีย์ และสถูป..." ที่สำคัญมี ๔ อย่างคือ
---๑.ธาตุเจดีย์ สถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
---๒.บริโภคเจดีย์ คือ สิ่งของหรือสถานที่ ที่พระพุทธเจ้าทรงใช้สอย
---๓.ธรรมเจดีย์ บรรจุพระธรรม คือ พุทธพจน์
---๔.อุทเทสิกเจดีย์ คือ พระพุทธรูป
---๑.จุฬามณีเจดีย์ ตั้งอยู่ ณ สวรรค์ชั้น ๒ คือ ดาวดึงส์เทวโลก เป็นพระเจดีย์ที่บรรจุพระจุฬาโมลี (มวยผม) ของพระสิทธัตถะ เมื่อครั้งเสด็จออกบรรพชา และพระทาฐธาตุ คือ พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนขวา นอกจากนั้น พระรากขวัญ (กระดูกไหปลาร้า) เบื้องขวาก็ประดิษฐานอยู่ในพระจุฬามณีเจดีย์สถาน เช่นกัน
---๒.โคตมกเจดีย์ อยู่ทางทิศใต้ของพระนครเวสารี นครหลวงของแคว้นวัชชีเป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยเสด็จประทับหลายครั้ง และเคยทรงทำนิมิตโอภาสแก่พระอานนท์
---๓.ทุสสเจดีย์ เจดีย์สถาน ณ พรหมโลก ซึ่งฆฏิการพรหม นำพระภูษาเครื่องทรงในฆราวาสที่พระโพธิสัตว์สละออกเปลี่ยนมาทรงจีวรเมื่อออกบรรพชา นำไปประดิษฐานอยู่ในทุสสเจดีย์ ครั้นพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพานแล้ว พระรากขวัญเบื่องซ้ายกับพระอุณหิส ถูกนำไปประดิษฐานอยู่ในทุสสเจดีย์ เช่นกัน
---๔.ปาวาลเจดีย์ เจดีย์สถานอยู่ที่เมืองเวสาลีแคว้นวัชชี พระพุทธเจ้าทรงทำนิมิตโอภาสแก่พระอานนท์ จากนั้นพระพุทธเจ้าทรงปลงพระชนมายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ในวันเพ็ญเดือน ๓ ก่อนปรินิพพาน ๓ เดือน
---๕.ปาสาณเจดีย์ เจดีย์สถานในแคว้นมคธ ซื่งมาณพ ๑๖ คน ผู้เป็นศิษย์ของพราหมณ์พาวรี ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ตั้งอาศรมสอนไตรเพทแก่ศิษย์ทั้ง ๑๖ คน ไปถามปัญหาพระบรมศาสดาเพื่อจะทดสอบว่าพระพุทธองค์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงหรือไม่
---๖.พหุปุตตเจดีย์ เจดีย์สถานอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเวสาลีนครหลวงของแคว้นวัชชี เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงทำนิมิตต์โอภาสแก่พระอานนท์
---๗.เจดีย์พุทธคยา เจดีย์สถานอยู่ใกล้แม่นำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม พระพุทธเจ้าได้ทรงเสด็จมาประทับที่ใต้ต้นโพธิ์และได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณที่นี่
---๘.มกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ อยู่ทางทิศตะวันออกของนครกุสินาราแคว้นมัลละ
---๙.รัตนฆรเจดีย์ เจดีย์เรือนแก้ว อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ ที่นี้พระพุทธเจ้าทรงประทับพิจารณาพระอภิธรรมปิฏกเป็นเวลา ๗ วัน
---๑๐.รัตนจงกรมเจดีย์ เจดีย์ที่จงกรมแก้ว อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์
---๑๑.สัตตัมพเจดีย์ เจดีย์สถานที่นครเวสารี นครหลวงของแคว้นวัชชี ณ ที่นี้พระพุทธเจ้าทรงทำนิมิตต์โอภาสแก่พระอานนท์
---๑๒.สารันทเจดีย์ เจดีย์สถานที่นครเวสารี นครหลวงของแคว้นวัชชี ณ ที่นี้พระพุทธเจ้าทรงทำนิมิตต์โอภาสแก่พระอานนท์
---๑๓.อนิมิสเจดีย์ สถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จยืนจ้องดูต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้กระพริบพระเนตรตลอด ๗ วัน
---๑๔.อัดคาฬวเจดีย์ อยู่ใกล้อาฬวีนคร พระพุทธเจ้าได้เทศนาโปรดชาวเมืองอาฬวีให้ตั้งอยู่ในกัลยาณธรรม
---๑๕.อานันทเจดีย์ เจดีย์สถานในเขตโภคนคร ระหว่างทางจากเมืองเวสารีแคว้นวัชชีไปสู่เมืองปาวาแคว้นมัลละ ณ ที่นี้พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูปทรงประทับแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัทชาวเมืองโภคนคร
*ในส่วนพระสถูป ที่มีความเกี่ยวพันถึงบริโภคเจดีย์ได้ประมวลนำมาไว้ ณ ที่นี้ ๔ สถูปด้วยกันดังนี้
---๑.เจาคันธีสถูป สถูปแห่งนี้พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างเป็นที่ระลึก ที่พระพุทธเจ้าทรงพบปัญจวัคคีย์เป็นครั้งแรก
---๒.ธัมเมกขสถูป อยู่ใกล้เคียงกับเจาคันธีสถูปเป็นสถานที่ระลึกถึง ในกาลที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์
---๓.ตุมพสูป อยู่ที่เมืองกุสินาราแคว้นมัลละ พระสถูปแห่งนี้บรรจุทะนานทองที่ใช้ตวงแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
---๔.อังคารสถูป อยู่ที่เมืองปิปผลิวันเป็นที่ประดิษฐานพระอังคาร (เถ้าถ่าน) ของพระพุทธเจ้าสำหรับพระบริขารของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น ได้อัญเชิญไปบรรจุไว้ในสถูป
*๑๑ แห่ง ตามนครต่าง ๆ ดังนี้
---๑.พระกายพันธ์ (ประคตเอว สายรัดเอว) สถิตอยู่ที่เมืองปาฏลีบุตร
---๒.พระอุทมสาฏก (ผ้าคลุมอาบน้ำ) สถิตอยู่ที่เมืองปัญจาลราฐ
---๓.พระจามขันธ์ (เครื่องหนังต่างๆ) สถิตอยู่ที่เมืองโกสลราฐ
---๔.ไม้สีฟัน สถิตอยู่ที่เมืองมิถิลา
---๕.พระธมกรก (กระบอกกรองน้ำ) สถิตอยู่ที่เมืองวิเทหราฐ
---๖.มีด กับกล่องเข็ม สถิตอยู่ที่เมืองอินทปัตถ์
---๗.ฉลองพระบาท และ ถลกบาตร สถิตอยู่ที่เมืองอุสิรพราหมณคาม
---๘.เครื่องลาด (เครื่องปูนั่งนอน) สถิตอยู่ที่เมืองมกุฏนคร
---๙.ไตรจีวร ผ้าสามผืนที่พระวินัยอนุญาติให้ภิกษุมีไว้ใช้ประจำตัว คือ ผ้าทาบ ผ้าห่ม (จีวร) ผ้านุ่ง (สบง) สถิตอยู่ที่เมืองภัททาราฐ
---๑๐.บาตร เดิมสถิตอยู่ที่เมืองปาฏลีบุตร ภายหลังไปอยู่ที่เมืองลังกาทวีป
---๑๑.นิสีทนะสันถัต (ผ้าปูนั่ง ผ้ารองนั่ง) สถิตอยู่ที่เมืองกุรุราฐ
อานิสงส์การสร้างเจดีย์... ( โดยย่อ )
---การสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรือ อัฐิธาตุของบุคคลที่ควรบูชาได้แก่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นการสร้างมงคลให้กับตนเองอย่างสูงสุด เมื่อตายไปย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรม และบรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย การมีส่วนร่วมสร้างพระเจดีย์จะมากหรือน้อย ถ้าทำด้วยความเลื่อมใส ก็ย่อมได้อานิสงส์มากมาย ดังตัวอย่างที่หยิบยกมาให้ท่านได้อ่านต่อไปนี้
---พระเถระรูปนี้ในชาติก่อนมีส่วนร่วมสร้างเจดีย์ เพียงท่านใส่ก้อนปูนขาวลงในช่องแผ่นอิฐ ซื่งประชาชนกำลังก่ออิฐสร้างเจดีย์อยู่ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้วยจิตใจที่เลื่อมใส อำนาจแห่งบุญนั้นได้บันดาลให้ท่านไปเกิดในสวรรค์ และโลกมนุษย์ถึง ๙๔ กัปป์ พอมาถึงสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านได้มาบวชในพระพุทธศาสนา ท่านคือ "พระสุธาบิณฑิยเถระ" และยังมีเรื่องเล่าจาก พระมหาโมคคัลลานะเถระ ว่าท่านได้พบเทพบุตรตนหนึ่งมีวิมานสวยงามวิจิตรตระการตา แวดล้อมด้วยนางฟ้าจำนวนมาก มาฟ้อนรำขับร้องให้เบิกบานใจ และเทพบุตรตนนี้มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือเทพบุตรทั้งปวง ท่านจึงถามเทพบุตรตนนั้นว่า
---เมื่อท่านเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้ท่านถึงมีอานุภาพมาก มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เทพบุตรตนนั้นตอบว่าแต่ก่อนเมื่อเป็นมนุษย์ได้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้ออกบวชอยู่ ๗ พรรษาและเป็นสาวกของพระศาสดานามว่า "สุเมธ" ต่อมาได้ดับขันธ์ปรินิพพาน พระบรมสารีริกธาตุของท่านบรรจุไว้ในรัตนเจดีย์ซึ่งห่อหุ้มด้วยข่ายทองคำ ท่านได้ชักชวนประชาชนให้ไปสักการบูชาด้วยความเลื่อมใส กุศลจะส่งผลให้ขึ้นสวรรค์ด้วยบุญนี้เองทำให้ข้าพเจ้าได้มาเสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานนี้เอง
---ส่วนพระมหากัสสปะเถระนั้น ท่านได้พบเปรตตนหนึ่งมีกลิ่นเหม็นเน่ามีหนอนกินปาก นอกจากนี้ยังถูกยมบาลเฉือนปากแล้วลาดน้ำให้แสบร้อน จึงถามถึงผลกรรมของเปรตนั้น ทราบว่าแต่ก่อนตอนเป็นมนุษย์ ตนเป็นชาวนครราชคฤห์ได้ห้ามมิให้บุตร ภรรยา บูชาพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมกับเล่าถึงพวกที่มีความคิดและกระทำเหมือนตน ส่วนภรรยาและบุตรของตนได้ไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ มีวิมานสวยสดงดงาม เพราะอานิสงส์ที่ได้ไปใหว้พระบรมสารีริกธาตุ สำหรับตนเองนั้นตั้งใจไว้ว่าหากได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งจะทำการบูชาพระสถูปเจดีย์ให้มากอย่างแน่นอน
---นอกจากนี้ในครั้งพุทธกาล พระเจ้าปัสเสนทิโกศลได้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถีพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพารเป็นอันมาก ครั้นถึงหาดทรายริมฝั่งแม่น้ำพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นทรายขาวผ่องบริสุทธิ์ยิ่งนัก ทรงมีพระทัยเลื่อมใสอย่างแรงกล้า ได้รับสั่งให้ช่วยกันก่อกองทรายให้เป็นรูปเจดีย์ถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ มองดูเป็นทิวแถวสวยงามเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เสร็จแล้วได้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่บุปผารามมหาวิหาร แล้วได้ทูลถามถึงอานิสงส์แห่งการก่อเจดีย์ทราย
---พระพุทธเจ้าตรัสว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร ผู้มีศรัทธาแรงกล้าได้ก่อเจดีย์ทรายถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ หรือแม้แต่องค์เดียวก็ย่อมได้รับอานิสงส์มาก จะไม่ตกนรกตลอดร้อยชาติถ้าเกิดเป็นมนุษย์ จะอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง มีชื่อเสียงเกียรติยศไปทั่วทุกทิศ จากนั้นจะได้ไปสวรรค์เสวยทิพย์สมบัติ การก่อเจดีย์ทรายเป็นเรื่องของผู้มีความฉลาด มีความคิดดี ได้ทำเป็นประเพณีมาแล้วในอดีต แม้พระตถาคตเองก็เคยทำมาแล้วในครั้งเป็นพระโพธิ์สัตว์
---ในครั้งนั้นตถาคตยากจนมากมีอาชีพตัดฟืนขาย วันหนึ่งได้พบทรายขาวสะอาดมากในราวป่า ก็มีจิตใจศรัทธาผ่องใส วันนั้นได้หยุดตัดฟืนทั้งวันได้กวาดทรายก่อเป็นเจดีย์โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แล้วเปลื้องผ้าห่มของตนฉีกทำเป็นธงประดับไว้เพื่อบูชาพระติสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วอธิษฐานจิตขอให้เป็นปัจจัยแห่งพระโพธิ์ญาณในอนาคตกาล ครั้นเมื่อตายไปแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อยู่ ๒ พันปีทิพย์ เมื่อสิ้นอายุขัยได้อุบัติมาเกิดเป็นพระตถาคตนี้เอง สำหรับพระเจ้าปัสเสนทิโกศลนั้นก็ได้รับพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า
---และพระมหากัสสปเถระ ยังได้กล่าวถึงประวัติและผลบุญแห่งการสร้างพุทธเจดีย์ของท่านไว้ดังนี้ ในครั้งที่พระพุทธเจ้ามีนามว่า "ปทุมมุตตระ" พระองค์ได้ปรินิพพาน แล้วพระมหากัสสปเถระได้ชักชวนหมู่ญาติมิตรและประชาชน ให้มาร่วมกันสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเพื่อบูชาพระพุทธเจ้ากันเถิด ทุกคนมีจิตเลื่อมใส ปิติอิ่มเอมใจ จึงได้ช่วยกันสร้างเจดีย์สูงค่าเสร็จลงด้วยความเรียบร้อย เจดีย์สูงร้อยศอก สร้างปราสาทห้าร้อยศอก สูงตระหง่านจรดท้องฟ้า ทุกคนมีจิตปิติเบิกบานในอานิสงส์บุญที่ได้พากันทำไว้ เมื่อท่านตายไปแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อยู่บนยานทิพย์เทียมด้วยม้าสินธพพันตัว วิมานของท่านสูงตระหง่านเจ็ดชั้นมีปราสาทหนึ่งพันองค์ ซึ่งสร้างด้วยทองคำ ศาลาหน้ามุขสร้างด้วยแก้วมณีส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วสารทิศ
---ทั้งยังมีอำนาจเหนือเทวดาทั้งปวง เมื่อลงมาเกิดในโลกมนุษย์ในกัปป์ที่หกหมื่นในภัทรกัปป์นี้ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ ครอบครองอาณาเขตไปถึง ๔ ทวีป มีแก้วแหวนเงินทองมากมาย ประชาชนมีความสุขสำราญเหมือนดั่งเมืองบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และชาติสุดท้ายได้มาเกิดในสกุลพราหมณ์ที่ร่ำรวย แต่สละทรัพย์ออกบวชจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ผู้เลิศด้วยปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖.
...............................................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
(แก้ไขแล้ว ป.)
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 25 สิงหาคม 2558
แก้ไขแล้ว (สังอาภาวรากุล)
ความคิดเห็น