เรื่องราวความอาถรรพ์และที่มาของเครื่องราง
---ของขลังที่คนส่วนใหญ่ที่เชื่อเรื่องของโชครางต่างรู้จัก และพากันค้นหาอยากได้มาไว้ติดตัว และดิ้นรนอยากที่จะเป็นเจ้าของ เพื่อความโชคดี ความแคล้วคลาดปลอดภัย หนังเหนียวหรือเพียงเพื่อความเป็นศิริมงคล หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเราเรียกของขลังเหล่านี้ว่า "ธาตุกายสิทธิ์" ชึ่งมีทั้งที่มีต้นกำเนิดการได้มาจากตัวคน จากพืช และจากสัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมากมาย ฯลฯ
---อันดับแรกเราลองมารู้จักของกายสิทธิ์ ที่เกิดขึ้นในตัวคนกันก่อน สิ่งเหล่านั้นได้แก่ ลูกอัณฑะทองแดง ตับเหล็ก เคราทองแดง อากาศธาตุ และลูกกรอก
---ที่เกิดขึ้นในสัตว์ก็ คือ ช้องหมูป่า เขี้ยวหมูตัน ฟันเสือกลวง หนังหน้าผากเสือโคร่ง งากำจัด
---ส่วนที่อยู่ในพืช หรือเกิดจากพืช นิยมเรียกว่า คด เช่น คดขนุน คดมะพร้าว บางครั้งเรียกเฉพาะเจาะจงลงไป เรียกว่า กะลาตาเดียว กะลามหาอุด (ไม่มีตา) พญางิ้วดำ เป็นต้น สำหรับวัตถุอาถรรพ์ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากสิ่งที่มีชีวิต มีอยู่จำนวนมากพอสมควร
---ส่วนใหญ่เป็นพวกแร่ธาตุ อัญมณี ที่รู้จักกันดีก็คือ เหล็กไหล เหล็กน้ำพี้ ปรอท คดหิน คดดินต่างๆ ในบรรดาเครื่องรางของขลังเหล่านี้ นักไสยศาสตร์เชื่อว่าเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ในตัว ไม่ต้องปลุกเสก ด้วยคาถาอาคมอะไร ก็นำมาใช้ได้แต่ก็มีเหมือนกัน ที่มักจะนำมาลงคาถาอาคมกำกับอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเพิ่มความเข้มขลังให้เป็นทวีคูณ
---ความเป็นมาของช้องหมูป่ามีความเชื่อของที่มาแตกต่างกันออกไป บ้างเชื่อว่า ช้องหมูป่า เป็นเส้นขนพิเศษของหมูป่า ที่ขึ้นอยู่บริเวณตัวของหมูป่าโดยเฉพาะที่บริเวณหัว หรือหว่างคิ้วของมันมีความยาวเป็นพิเศษ นักไสยศาสตร์เชื่อกันว่าเป็นของขลังชนิดหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์ด้านคงกระพันมหาอุด
---ส่วนอีกกลุ่มเชื่อว่า ช้องหมูป่า คือ ขนที่ยาวเป็นพิเศษของหมูป่า โดยเฉพาะหมูโทนซึ่งหมายถึง หมูตัวผู้ที่ชอบหากินอยู่ตัวเดียว อย่างทรนง มันจะมีขนเหนือสันหลังขึ้นมาถึงโหนกคอ ยาวเป็นพิเศษเหมือนหางเปียย้อยลงมาตรงหน้าผาก ยาวจนถึงปากของมัน หมูป่าจะคาบช้องของมันเอาไว้ตลอดเวลา โดยพันเอาไว้กับเขี้ยวด้านหนึ่ง เชื่อกันว่าช้องหมูป่าแบบนี้มีความคงกระพันมหาอุด คุ้มครองทั้งหมูที่เป็นเจ้าของช้องและคนที่มีช้องของหมูป่าไว้ครอบครอง ส่วนความเชื่อของกลุ่มหลังสุดนี้ พิศดารน่าสนใจมาก เชื่อกันว่าช้องหมูป่า เป็นขนที่ขึ้นอยู่บริเวณลูกอัณฑะของหมูป่าหรืออาจเรียกว่า ขนเพชรหมูป่า ก็น่าจะได้จัดเป็นขนลักษณะพิเศษ
---เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว หมูป่าโทนที่ชอบออกหากินตัวเดียวไม่เกรงกลัวใคร จะใช้ปากและฟันเลียและกัดขนชองมันมาไว้ในปาก ตวัดและเคี้ยวด้วยน้ำลาย จนขนรวมตัวกันเป็นวงหรือขมวดกลมๆ หรือวงแหวน หมูจะรักษาขนนี้ไว้ในปากตลอดเวลา ไม่ว่าจะกินอะไรมันก็จะซ่อนไว้ในปากได้อย่างประหลาด หมูป่าตัวนั้นจะมีความอยู่ยงคงกระพันเป็นมหาอุดตลอดเวลาที่มันมีขนนั้นอยู่ในปาก ลูกกระสุนปืนนายพรานจะไม่สามารถทำอะไรมันได้ ดังนั้นพรานป่า นักล่าทางไสยศาสตร์จึงต้องคอยติดตามหมูตัวที่ต้องการไป คอยจนมันกินน้ำ ตอนกินน้ำนี่เอง ที่หมูป่าจะคายขน หรือช้องหมูป่าออกมาวางไว้บนโขดหินบ้าง บนขอนไม้บ้าง เพื่อให้มันได้กินน้ำอย่างสะดวก พอมันคายช้องหมูป่าออกมาแล้ว นายพรานก็จะยิงหมูตัวนั้นได้ แล้วจึงค่อยไปเก็บเอาช้องหมูป่าเอามาเป็นเครื่องรางของขลังติดตัวกัน เชื่อกันว่าจะทำให้ปืนยิงไม่ออก หรือยิงไม่เข้า แต่ต้องพกติดตัวไว้ตลอดห่างแค่คืบ แค่ศอกก็จะไม่สามารถคุ้มครองป้องกันได้
*ตับเหล็ก
---ทางภาคกลาง และทางภาคเหนือเรียกว่า ตับทองแดง เล่ากันว่าตับเหล็ก หรือตับทองแดงนี้ จะไม่ไหม้ไฟ คือ ศพของคนที่มีตับเหล็กนี้ ตับจะไม่ไหม้ไฟจะเหลือตับเหล็กไว้ให้ถือเป็นของขลังชนิดหนึ่ง ตับเหล็กหรือเคราทองแดงนี้ เชื่อกันว่าเป็นของขลัง ที่สามารถเกิดขึ้นกับร่างกายของคนที่มีอาคมแก่กล้า มีคาถาอาคม เสกว่านยากินเป็นประจำทำให้ตับเป็นเหล็ก หรือเคราเป็นทองแดง ใช้มีดโกนไม่เข้าก็มีแต่ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเกิดขึ้นเองได้ แต่ไม่ได้มี หรือเกิดขึ้นได้กับทุกคนนานๆ จะพบเห็นกันซะที
*งากำจัด
---เป็นวัตถุอาถรรพ์ที่ได้ยินกันบ่อยๆ แต่เป็นของที่หายากมากๆ งากำจัดนี้ หมายถึง งาช้างที่หักคาต้นไม้ เป็นงาชองช้างตกมัน หรือช้างเกเร อารมณ์ร้ายและมีฤทธิ์เดชมากเมื่ออาละวาดหนักเข้า ก็จะเอางาของตัวเองแทงต้นไม้ใหญ่ จนงาหักคาต้นไม้ คนที่ไปพบเข้าก็จะนำเอามาทำเป็นเครื่องรางของขลัง เชื่อกันว่ามีอิทธิฤทธิ์ มีอำนาจ ที่จะป้องกันได้ในทุกทาง แต่ต้องระวังให้ดีเพราะของปลอมมีมาก จนหาของจริงไม่เจอ ส่วนใหญ่แล้วหากได้งาจำกัดมา คนก็มักจะนำไปให้อาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลัง แกะเป็นเครื่องรางของขลัง นิยม นำมาทำด้ามมีดหมอ
*คด ยอดคงกระพัน
---ในส่วนของพืช เครื่องรางของขลัง ที่มีผู้นิยมกันมากๆ คือ คด มีลักษณะเหมือนหิน เช่น คดขนุน และคดมะพร้าว ที่มีผู้ต้องการมากคือ คดขนุนที่กลายเป็นหิน ซึ่งจะให้คุณทั้งด้านความคงกระพัน แคล้วคลาด และเมตตามหานิยม ปัจจุบันมีผู้ทำของปลอมออกมาโดยเอาหิน เอากรวดสวยๆ มาเจียระไน ตบแต่งเป็นคด หลอกขายกัน
*อากาศธาตุ หรือฟันอาถรรพ์
---ของขลังที่หายากอีกอย่างหนึ่ง อากาศธาตุ หมายถึง ฟันคน ที่ขึ้นรอยู่บนเพดานปาก แทนที่จะขึ้นอยู่บนเหงือก เหมือนคนปกติทั่วไป ใครมีฟันแบบนี้ ย่อมคงทนต่ออาวุธทั้งปวง ฟันบนเพดานปากนี้ จะขึ้นเองตามธรรมชาติเมื่อขึ้นมาแล้วจะไม่ผุไม่กร่อนเหมือนซี่อื่นๆ จะมีความคงทนและอยู่กับเจ้าของไปตลอด และห้ามบอกใคร เพราะอาจจะโดนทุบและยึดฟันไปทำของขลังได้ อิอิ
*อีกอย่างหนึ่ง
---เครื่องรางที่หายาก เป็นหางช้างเผือกของในหลวงของเรา ได้มาจากพระตำหนักภูพาน ช้างเผือกเชือกนี้มีตำแหน่งเป็นคุณพระ ซึ่งขนหางช้างที่ดีต้องรอให้หลุดเอง ชาวจีนโบราณถือว่า เป็นตัวแทนของความรักที่มั่นคง หางช้างเผือกจะเป็นสีออกน้ำตาลใสๆ
*หางช้างเผือก
---ช้างเผือกนั้นโบราณท่านถือว่า เป็นสัตว์ที่มีบุญญาบารมี เป็นของคู่บุญของพระมหากษัตริย์ไทยเราตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน
---ธรรมชาติของช้างจะใช้หางปัดแมลงที่เข้ามารบกวน บุรพาจารย์ท่านถือเคล็ดว่าหางช้างนั้น เป็นของดี ที่ใช้ปัดรังควาญ เสนียดจัญไร สิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง จึงนิยมนำหางช้างมาทำเป็นแหวนพิรอด
---ทำวิชาลงอาคม ซึ่งเมื่อทำถูกต้องตามตำรับไสยเวทย์แล้ว จัดเป็นของวิเศษที่เรืองอำนาจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหางของช้างเผือก.......ฯ
*เครื่องรางจากหางช้าง
---ช้าง เป็นสัตว์มงคล คู่บ้านคู่เมือง ตำนานในทางศาสนาทั้งพุทธและพราหมณ์ ต่างมีความเกี่ยวพันกับช้างตลอด ช้างที่ทรงฤทธิ์ในเทวฤทธิ์มีอาทิ ช้างเอราวัณ หางช้าง ถือเป็น"เครื่องราง"แต่โบราณที่เชื่อว่าช่วยป้องกันอาถรรพ์ ปัดเป่าเสนียดจัญไร ผู้คนที่รู้ซึ้งถึงศาสตร์นี้จะแสวงหาหางช้างมาเป็นเครื่องรางประจำกาย เดินทางไปแห่งหนตำบลใดก็ปลอดภัยจากคุณไสยและมนต์ดำ
---ส่วนคนโบราณไม่ได้เรียนอาคมจะพบขนจากหางช้างติดตัวอยู่เสมอนัยว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจและสัตว์ร้ายป้องกันคุณไสยต่างๆในยามที่ต้องเดินทางไกลคนโบราณเชื่ออีกว่า
---ถ้าบูชาดีขนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้พิษภัยต่างๆล่วงหน้าด้วยอย่างสัมผัสที่หกและป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้ หางจากขนของช้างเป็นสิ่งอิงประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เนื่องจากชาวจีนโบราณจะพกขนจากหางช้างติดตัวอยู่เสมอ
---นัยว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจ และสัตว์ร้ายต่างๆ ในยามที่ต้องเดินทางไกล ชาวจีนโบราณเชื่ออีกว่าชนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้ภัยพิบัติต่างๆ ล่วงหน้าด้วยญาณสัมผัสที่6และป้องกันมิให้มันเกิดขึ้นได้
---สำหรับชาวเหมอะโหน่ง (M' Nong) ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยในเขตภาคกลางเวียดนามเชื่อว่า ขนหางช้างเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความภักดี หนุ่มๆ สาวๆ มักจะมอบสิ่งนี้ให้แก่กัน เป็นการแสดงออกซึ่งความรักที่ยิ่งใหญ่อันมั่นคงนั้นเอง.
.......................................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
ดูรายละเอียดอื่นๆได้ที่ พลังจิต สมาธิ ธรรมะ ภัยพิบัติ
รวบรวมโดย...แสงธรรม
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 30 กันยายน 2558
แก้ไขแล้ว ป.
0 ความคิดเห็น