การสร้างวัตถุมงคลเครื่องรางมงคล
---สมัยโบราณผู้ที่สามารถลงมือสร้าง (เน้นว่าลงมือสร้างคือ ทำด้วยมือตัวเอง ไม่ใช่สั่งทำจากโรงงาน หรือดำริจัดสร้างขึ้น) วัตถุมงคลเครื่องรางของขลังได้ จะต้องถือศีล 8 เป็นอย่างน้อย เหตุผลของการถือศีล 8 ให้ได้ เนื่องจาก ผู้นั้นต้องสามารถใช้อำนาจจิต ข่มกิเลสอย่างกลางให้ได้เสียก่อน กิเลสอย่างกลางที่ว่านี้ คือ การสะกดกั้นและปล่อยวาง ความอยากและความไม่อยากในจิตใจ (ภาวตัณหาและวิภาวตัณหา) จนจิตใจกลับมาอยู่ในสภาวะปกติดังเดิม สามารถสะกดข่มอารมณ์ของจิตที่ว่านี้ได้ทุกครั้งที่เกิด จนมีความชำนาญ จนได้ชื่อว่ามีพลังจิตขั้นหนึ่ง (สมัยโบราณ พวกฤาษีจะมีพลังจิตขั้นนี้เป็นปฐม) เพราะการสามารถสะกดข่มจิตใจได้ เท่ากับป้องกันความวิบัติได้ ความวิบัติที่ว่า คือ อาถรรพณ์ในธรรมชาติของสิ่งลี้ลับ จากแรงกระทำของครูบาอาจารย์และแรงกระทำของอมนุษย์ที่มีสัมมาทิฏฐิและไม่มีสัมมาทิฏฐิที่จะสร้างความเสื่อมเสียทั้งทรัพย์และชื่อเสียงให้ผู้นั้นได้ทุกเมื่อ หากผู้กระทำผิดคำครู
---และอีกประการหนึ่ง คือ การสร้างความเสื่อมเสียวิบัติ โดยตัวผู้กระทำเอง เนื่องจากการพ่ายแพ้ต่อแรงปรารถนาของกิเลสในใจตนเอง จนไม่อาจรักษาคำครูได้ หรือแม้แต่การสามารถปฏิบัติตนตามแบบแผนของครูอาจารย์ได้แล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถสะกดกั้นแรงปรารถนาของตนเองได้ และได้ปล่อยจิตใจให้เตลิดไปตามอารมณ์ ผู้นั้นก็จะต้องพบกับความวิบัติได้เช่นกัน ดังนั้น แม้จะมีครูบาอาจารย์ที่วิชาอาคมแก่กล้าประสาทวิชาให้ มีการจัดทำเครื่องบูชาได้ถูกต้องตามแบบแผน แต่พลังจิตของตนเอง เป็นปุถุชนธรรมดา เมื่อเกิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่กระทบจิตใจ เกินกว่ามนุษย์ปุถุชนจะรับได้ การละเมิดข้อห้ามก็จะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ความวิบัติที่ว่าจะส่งผลแต่ผู้สร้างเท่านั้น แต่จะไม่มีผลกับผู้ใช้วัตถุเครื่องรางมงคล แต่อย่างใด นอกเสียจากว่า สิ่งมงคลนั้นจะไร้พลัง เพราะมิได้ประกอบขึ้นจากวัตถุที่มีคุณวิเศษและมีฤทธิ์ในตัวเองหรือยังไม่มีการปลุกเสก
---ส่วนการปลุกเสกวัตถุเครื่องรางมงคล ผู้ที่สามารถทำการปลุกเสกให้สิ่งที่ว่า มีอำนาจสัมฤทธิ์ผลได้ตามปรารถนา ต้องมีพลังจิตที่แก่กล้า ระดับอภิญญา มีฌาน มีสมาบัติ เพราะว่า จะต้องสื่อสารทางจิตผ่านวัตถุกับผู้ใช้ได้ หรือเพียงแค่ผู้ใช้ระลึกถึงก็สมฤทธิ์ผลตามปรารถนา มิใช่เพียงแค่ประจุพลังปราณอัดเข้าไปในวัตถุ เหมือนแบตเตอรี่เท่านั้น เมื่อได้รับการปลุกเสกด้วยพลังจิตระดับนี้ แม้สิ่งมงคลที่ว่าจะสร้างขึ้นมาจาก ดิน ปูนหรือโลหะธรรมดา สิ่งมงคลนั้นก็จะทรงพลังที่อัศจรรย์ได้ แบบนี้โดยมากเป็นพระที่เป็นนักบวชในศาสนาที่เรียนการเจริญสมาธิมาในแบบต่างๆ แต่ยังมีอีกประการหนึ่งคือ วัตถุนั้น ส่งผลได้เพราะเกิดจากแรงครู คือ พลังวิญญาณของเจ้าของวิชา ที่ล่วงลับไปแล้วและกำเนิดในภพภูมิที่สามารถแสดงฤทธิ์ได้ ได้แสดงฤทธิ์ช่วยเหลือ ประเภทนี้มีมากในสายวิชาไสยศาสตร์ทั้งสายขาวและสายดำ
---กรรมวิธีการปลุกเสก การปลุกเสกวัตถุมงคลของผู้มีระดับจิตสูง ไม่ว่าจะจับสายสิญจน์ หรือไม่จับสายสิญจน์ ไม่ว่าจะเปิดกล่อง หรือบรรจุอยู่ในกล่อง ไม่ว่าจะมีจำนวนมาก หรือมีจำนวนน้อย ไม่ว่าจะอยู่ในปะรำพิธี ขัดราชวัตรฉัตรธง หรือใส่กล่องวางตรงหน้า หากท่านมีความตั้งใจปลุกเสกให้แล้ว แม้มีคนมาตัดสายสิญจน์ขณะปลุกเสก พลังปราณพลังจิตของท่านก็ต้องประจุอยู่ในวัตถุนั้นๆ อย่างเต็มเปี่ยมโดยทั่วถึงไม่มีมากกว่ากันหรือน้อยกว่ากัน ดุจเดียวกับพลังสนามแม่เหล็กและคลื่นไมโครเวฟ พลังจิต พลังปราณมีอยู่ถ้วนทั่วสากลจักรวาล ดังนั้นจึงอยู่พ้นจากกฎของระยะทาง ขนาดและปริมาณ มีผลกระทำต่อวัตถุเสมอเหมือนกัน ดุจคนเราที่เกิดมาเหมือนกันแล้วดับชีพเหมือนกัน ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย วัตถุมงคลก็เช่นกัน หากได้รับการประจุพลังจากผู้ปลุกเสกคนเดียวกัน ย่อมมีพลังเท่ากันทุกชิ้นไม่มีมากกว่ากัน หรือน้อยกว่ากัน ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
---การพบเหตุการณ์ที่ว่า ของเสื่อมไม่อาจคุ้มภัยได้ ก็เป็นเพราะอำนาจพลังจิต ยังไม่ถึงระดับของผู้ปลุกเสกหรือการประจุพลังปราณลงสู่วัตถุและอธิษฐานเฉพาะทางแต่เพียงแค่นั้น หรือใช้แต่พลังและบารมีของตนเองโดยไม่ขอเชิญบารมีของครูบาอาจารย์ เทพเทวดา พระรัตนตรัยมาร่วมประสิทธิ์ประสาท
---อีกส่วนหนึ่งวัตถุนั้นไม่ได้มีพลังประจุอยู่เลย มีสาเหตุอยู่สองประการ ได้แก่ เป็นของที่ทำเลียนแบบและมิได้รับการประจุพลังประการหนึ่ง และ เป็นของที่สร้างมาจากพิมพ์ตัวเดียวกัน แต่ไม่ได้รับการประจุพลัง (ของเสริม) ไม่ได้เข้าพิธีเป็นประการที่สอง และด้วยที่ประการสองนี้เอง แม้ว่าพิมพ์ถูกต้องอายุเก่าถึงแท้ตามหลักสากล แต่เพราะเป็นของทำเสริมมาไม่มีการปลุกเสก ของที่ว่าจึงไม่ต่างจากเหรียญโลหะธรรมดา
---ส่วนที่อ้างว่าเพราะแรงกรรม หรือทำผิดข้อห้ามครู ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องรับฟังอีกเช่นกัน แต่เมื่อต้องการพิสูจน์ว่า สิ่งนั้นเป็นของดีจริงหรือไม่ ย่อมสามารถทดลองได้ทันที เช่น ของอันเดียวกันกับที่ถอดออกมาจากคอของนาย (ก) ที่ถูกยิงทะลุจนเลือดสาด เมื่อเอามาใช้กับนาย (ข) กลับสามารถคุ้มครองได้ โดยนาย (ข) ถูกยิงไม่เข้าเลยสักนัด นั่นเพราะเกิดจากแรงกรรมของแต่ละคนนั้นส่งผลตัดทอนบารมีของพลังในวัตถุมงคลเอง พูดให้เข้าใจง่ายๆ ยกตัวอย่าง วัตถุมงคลเปรียบได้กับครูให้คะแนนนักเรียนทุกคนมา 100 คะแนนเต็ม แต่พอถึงเวลาสอบ นาย (ก) มีผลสอบได้คะแนน 50 คะแนน ส่วนนาย (ข) มีผลสอบได้คะแนน 100 คะแนน จากผลสอบของทั้งสองคนที่ออกมามีความแตกต่างกัน เพราะทั้งสองมีความสามารถที่ไม่เหมือนกัน เปรียบได้กับการปฏิบัติตนของบุคคลทั้งสองเอง ที่สร้างกรรมมาหรือวาสนาต่างกันนั้นเอง จึงได้รับผลของการช่วยเหลือที่ต่างกันนั่นเอง.
---สรุปว่า...วัตถุมงคลจะสัมฤทธิ์สำเร็จผลได้ก็ต้องประกอบด้วยเหตุ 5 อย่าง คือ 1.ฤกษ์ดี 2. พิธีดี 3.อำนาจจิตดี 4.อำนาจครูบาอาจารย์ และ 5.อำนาจวาสนาของผู้ใช้เองครับ.
.............................................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวมรวมโดย...แสงธรรม
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 29 กันยายน 2558
แก้ไขแล้ว ป.
0 ความคิดเห็น