/music/.mp3 http://www.watkaokrailas.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 พระบรมสารีริกธาตุ

 โจโฉ รวมเสียงธรรม

 เฟสบุ๊ค

 ติดต่อเรา-แผนที่

คำว่าบุญวาสนา

คำว่าบุญวาสนา

มงคลข้อที่ ๕ การได้กระทำบุญไว้แล้วปางก่อน







---มงคลที่ ๕ พระองค์ตรัสว่า มีบุญวาสนา คำว่า "มีบุญวาสนา" นี่ผมว่า ทุกคนนี่ อยากมีบุญวาสนาทุกคน แต่ถ้าเราไปค้นคว้าในเรื่องนี้ ให้จะแจ้งแล้ว ผู้ที่มีบุญวาสนา ก็คือ ผู้ที่สั่งสมกุศลผลบุญมาตั้งแต่อดีตชาติ นั่นเองแหละ ไม่ใช่ว่าเขาเอามาจากไหนเลย ฉะนั้นพวกเรานี้ ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ ผมถือว่า เรากำลังสร้างมงคลชีวิตให้เกิดขึ้น แต่เราสร้างโดยไม่รู้ตัว


---"ผลไม้พันธุ์เลว ถึงจะใส่ปุ๋ย รดน้ำพรวนดิน บำรุงรักษาดีอย่างไรก็ตาม อย่างมากก็ทำให้มีผลดกขึ้นบ้าง แต่จะทำให้มีรสโอชาขึ้นกว่าเดิมนั้นยาก ตรงกันข้าม ผลไม้พันธุ์ดี แม้รดน้ำพรวนดินเพียงพอประมาณ ก็ให้ผลมากเกินคาด รสชาติก็โอชา"


---เช่นกัน ผู้ที่ไม่ได้สร้างสมคุณความดีมาก่อน เมื่อประกอบกิจใด ๆ ถึงขยันขันแข็งสักปานไหน ผลแห่งความดี กว่าจะปรากฎเต็มที่ ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักและเสียเวลามาก ส่วนผู้ที่สะสมคุณความดีมาก่อน เมื่อทำความดี ผลดีปรากฎเต็มที่ทันตาเห็น ส่งผลให้มีความเจริญก้าวหน้าเหนือกว่าบุคคลทั้งหลาย ได้อย่างน่าอัศจรรย์


*มงคลข้อที่ ๕ การได้กระทำบุญไว้แล้วปางก่อน ก็จัดเป็นมงคลอีกประการหนึ่ง


---เพราะผู้ที่จะบำเพ็ญกุศลให้สมบูรณ์ได้นั้น ต้องอาศัยความที่ตนได้เคยทำบุญไว้ในอดีตชาติ มาช่วยส่งเสริมสนับสนุนทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้ที่จะได้บรรลุคุณวิเศษเป็นพระอริยบุคคลในชาตินี้นั้น ยิ่งต้องอาศัยบุญ คือ การอบรมเจริญภาวนาในชาติก่อนๆ มาเป็นปัจจัยสนับสนุนทั้งสิ้น ขาดบุญในอดีตแล้วไม่อาจสำเร็จได้เลย


---แม้พระพุทธเจ้ากว่าที่จะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้ ก็ต้องอาศัยบุญบารมีที่สร้างสมมานานถึง ๔ อสงไขยแสนกัป มาเป็นเครื่องสนับสนุนจึงสำเร็จ การกระทำบุญไว้แล้วในปางก่อนจึงเป็นอุดมมงคล


*บุญคืออะไร 


---บุญ คือ สิ่งซึ่งเกิดขึ้นในจิตใจแล้วทำให้จิดใจใสสะอาด ปราศจากความเศร้าหมอง ขุ่นมัว ก้าวขึ้นสู่ภูมิที่ดี เกิดขึ้นจากการที่ใจได้เพื่อนคิดที่ดี คือ พระธรรม ทำให้เลือกคิดเฉพาะสิ่งที่ดี ที่ถูก ที่ควร ที่เป็นประโยชน์แล้วพูดดี ทำดี ตามที่คิดนั้น


---บุญ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ย่อมส่งผลปรุงแต่งใจของเราให้มีคุณภาพดีขึ้น คือ ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว บริสุทธิ์ผุดผ่องสว่างไสว โปร่งโล่งไม่อึดอัด อิ่มเอิบ ไม่กระสับกระส่าย ชุ่มชื่นเบาสบาย ผ่อนคลายไม่ตึงเครียด นุ่มนวลควรแก่การใช้งาน และบุญที่เกิดขึ้นนี้ ยังสามารถสะสมเก็บไว้ในใจได้อีกด้วย ผู้ที่ฝึกสมาธิจนเข้าถึงธรรมกาย และฝึกจนชำนาญแล้ว ย่อมสามารถมองเห็นบุญได้ คนทั่วไปแม้จะมองไม่เห็น "บุญ" แต่ก็สามารถรู้อาการของบุญ หรือผลของบุญได้ คือ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทำให้จิตใจชุ่มชื่น เป็นสุข



---เปรียบได้กับ "ไฟฟ้า" ซึ่งเรามองไม่เห็นตัวไฟฟ้าโดยตรง แต่เราสามารถสัมผัสกับอาการของไฟฟ้าได้ เช่น มองเห็นแสงสว่างจากหลอดไฟ ได้รับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น


*คุณสมบัติของบุญ


---๑.ชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดได้


---๒.นำความสุขความเจริญก้าวหน้ามาให้


---๓.ติดตามตนไปทุกฝีก้าว แม้ไปเกิดข้ามภพข้ามชาติ


---๔.เป็นของเฉพาะตน ใครทำใครได้ โจรลักขโมยไม่ได้


---๕.เป็นที่มาของโภคทรัพย์สมบัติทั้งหลาย


---๖.ให้มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ นิพพานสมบัติ แก่เราได้


---๗.เป็นปัจจัยให้บรรลุมรรคผลนิพพาน


---๘.เป็นเกราะป้องกันภัยในวัฏสงสาร


*ประเภทของบุญในกาลก่อน


*บุญในกาลก่อนแบ่งเป็น ๒ ชนิด ได้แก่


---๑.บุญช่วงไกล คือ คุณความดีที่เราทำจากภพชาติก่อน มาจนถึงวันคลอด


---๒.บุญช่วงใกล้ คือ คุณความดีที่เราในภพชาติปัจจุบัน ตั้งแต่คลอดจนถึงเมื่อวานนี้


---บุญช่วงไกล การสั่งสมความดีมาแต่ภพชาติก่อน ส่งผลให้เห็นในปัจจุบัน เปรียบเสมือนผลไม้ที่คัดพันธุ์มาดีแล้ว รสโอชะของมันย่อมติดมาในเมล็ด เมื่อนำเมล็ดนั้นมาปลูก ต้นของมันย่อมให้ผลที่รสอร่อยทันทีโดยไม่ต้องทะนุบำรุงมาก


---คนเราก็เช่นกัน ถ้าในอดีตชาติสะสมความดีมามาก พอเกิดมาในชาตินี้ก็เป็นคนใจใส ใจสะอาดบริสุทธิ์ มาตั้งแต่เด็ก มีสติปัญญาดีมาแต่กำเนิด รูปร่าง สง่างาม ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีโอกาสได้สร้างความดีได้มากกว่าคนทั้งหลาย ถ้าไม่ประมาท หมั่นสะสมความดีในปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีก ก็จะเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าประมาท ไม่เอาใจใส่ในการทำความดีในปัจจุบัน ก็เปรียบเสมือนต้นไม้ยอดด้วน ยากที่จะเจริญเติบโตต่อไปได้


---บุญช่วงใกล้ คนที่ทำความดีตั้งแต่เล็กเรื่อยมา เช่น ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ขยันหมั่นเพียร คบคนดีเป็นมิตร ฝึกใจให้ผ่องใสมาตั้งแต่เด็ก ความคิด คำพูด การทำงาน ย่อมดีกว่าบุคคลอื่นในวัยเดียวกัน เมื่อเติบโตขึ้น ย่อมมีความเจริญก้าวหน้ามากกว่าผู้อื่น


---เพราะฉะนั้นเราจึงควรสะสะสมบุญ โดยทำความดีเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้ส่งผลให้มีสติปัญญาดี มีความเฉลียวฉลาด มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตต่อไปในอนาคต ดังเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งได้ทรงทำความดี สร้างสมบารมีมามากนับภพนับชาติไม่ถ้วน ในภพชาติสุดท้าย ก็ทรงฝึกเจริญสมาธิภาวนาศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่เยาว์ จึงสามารถตรัสรู้ธรรม เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เมื่อพระชนม์เพียง ๓๕ พรรษา



*ผลของบุญ  บุญเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มีผลกับตัวเรา ๔ ระดับ คือ


---๑.ระดับจิตใจ เป็นบุญที่เกิดผลทันที คือ ทำความดีปุ๊บก็เกิดปั๊บ ไม่ต้องรอชาติหน้า เกิดขึ้นเองในใจของเรา ทำให้สุขภาพทางใจดีขึ้น คือ มีใจเยือกเย็น ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวต่อคำยกยอ หรือตำหนิติเตียน สมรรถภาพของใจดีขึ้น คือ เป็นใจที่สะอาด ผ่องใส ใช้คิดเรื่องราวต่าง ๆ ได้รวดเร็ว ว่องไว ลึกซึ้ง กว้างไกล รอบคอบ เป็นระเบียบ และตัดสินใจได้ฉับพลันถูกต้องไม่ลังเล


---๒.ระดับบุคลิกภาพ คนที่ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้มีใจที่สงบ แช่มชื่น เบิกบาน ชุ่มเย็น นอนหลับสบาย ไม่มีความกังวลหม่นหมอง หน้าตาผิวพรรณจึงผ่องใส ใจเปี่ยมไปด้วยบุญไม่คิดโลภอยากได้ของใคร ไม่คิดสร้างความเดือนร้อนให้ใคร มีแต่คิดช่วยเหลือเขา จึงมีความมั่นใจในตัวเอง มีความองอาจสง่างามอยู่ในตัว ไปถึงไหนก็สามารถวางตัวได้พอเหมาะพอดี บุคลิกภาพย่อมดีขึ้นเป็นลำดับ


---๓.ระดับวิถีชีวิต วิถีชีวิตของคนเรา เกิดจากการสรุปผลบุญและผลบาป ที่เราได้ทำมาตั้งแต่ภพชาติก่อน ๆ จนถึงภพชาติปัจจุบัน เป็นผลของบุญระดับจิตใจ และระดับบุคลิกภาพ รวมกันชักนำให้เราได้รับสิ่งที่น่าปรารถนาตอบสนองมาจากภายนอก เช่น ได้รับลาภ ยศ สรรเสริญ สุข การที่เราทำดีแล้ววิถีชีวิตของเราจะดีเต็มที่หรือไม่นั้น ขึ้นกับบุญเก่า หรือบาปในอดีต ที่เราเคยทำไว้ด้วย จึงเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน ทำให้บางคนเข้าใจผิด คิดว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี เพราะบางครั้งขณะที่เราตั้งใจทำความดีอยู่ กลับถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือประสบเคราะห์กรรม ทำให้หมดกำลังใจในการทำความดี แท้จริงแล้วที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะในขณะนั้น ผลบาปที่เราเคยทำในอดีตกำลังส่งผลอยู่ แต่บุญที่กำลังทำอยู่ปัจจุบันย่อมไม่ไร้ผล เมื่อเราตั้งใจทำบุญไปโดยไม่ย่อท้อ บุญย่อมจะส่งผลให้ในเวลาที่สมควรต่อไป


---๔.ระดับสังคม เมื่อเราทำความดีมาแล้วอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะไปอยู่สังคมใด บุญก็จะส่งผลให้เป็นบุคคลที่สังคมยอมรับนับถือ ได้เป็นผู้นำของสังคมนั้นและจะเป็นผู้ชักนำสมาชิกในสังคม ให้ทำความดีตามอย่าง ทำให้เกิดความสงบร่มเย็น ความเจริญก้าวหน้าขึ้นในสังคมนั้น ๆ โดยลำดับ


*ตัวอย่างผลของบุญ


---ผู้ที่มีอายุยืน     เพราะในอดีตไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต


---ผู้ที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ     เพราะในอดีตไม่รังแกหรือทรมานสัตว์


---ผู้ที่มีพลานามัยสมบูรณ์     เพราะในอดีตให้ทานด้วยข้าวปลาอาหารมามาก 


---ผู้ทีมีผิวพรรณงาม     เพราะในอดีตรักษาศีล และให้ทานด้วยเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มมามาก


---ผู้ที่มีอำนาจมีคนเกรงใจ     เพราะในอดีตมีมุทิตาจิต ใครทำความดีก็อนุโมทนา ไม่อิจฉาริษยาใคร


---ผู้ที่ร่ำรวยมีโภคทรัพย์มาก     เพราะในอดีตให้ทานมามาก 


---ผู้ที่เกิดในตระกูลสูง     เพราะในอดีตบูชาบุคคลที่ควรบูชามามาก


---ผู้ที่ฉลาดมีสติปัญญาดี     เพราะในอดีตคบบัณฑิต ฝึกสมาธิ เจริญภาวนามามากและไม่ดื่มสุรายาเมา


*วิธีทำบุญ


---การทำความดีทุกอย่างล้วนได้ผลออกมาเป็นบุญทั้งสิ้น แต่เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจและนำไปปฏิบัติ เราสามารถแบ่งวิธีทำบุญออกได้ ๑๐ วิธีเรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ ได้แก่


---๑.ทาน คือ การบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้ที่ควรให้


---๒.ศีล คือ การสำรวมกายวาจา ให้สงบเรียบร้อย


---๓.ภาวนา คือ การสวดมนต์ ทำสมาธิ อ่านหนังสือธรรม ฯลฯ


---๔.อปจายนะ คือ การมีความเคารพอ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรม


---๕.เวยาวัจจะ คือ การช่วยเหลือขวนขวายในกิจที่ชอบ


---๖.ปัตติทานะ คือ การอุทิศส่วนบุญแก่ผู้อื่น


---๗.ปัตตานุโมทนา คือ การอนุโมทนาบุญที่ผู้อื่นทำ


---๘.ธัมมัสสวนะ คือ การฟังธรรม


---๙.ธัมมเทศนา คือ การแสดงธรรม


---๑๐.ทิฏฐุชุกัมม์ คือ การปรับปรุงความเห็นของตนให้ถูกต้อง ทั้ง ๑๐ ประการนี้


*สรุปลงได้เป็นบุญกิริยาวัตถุ ๓ คือ


---ทาน คือ ๑,๕,๖,๗ เป็นการฆ่าความตระหนี่ออกจากใจ


---ศีล คือ ๒ เป็นการป้องกันตนไม่ให้ทำชั่ว


---ภาวนา คือ ๓,๔,๘,๙,๑๐ เป็นการฝึกตัวเองให้ฉลาด "แข่งบุญแข่งวาสนาใช่ว่าแข่งไม่ได้ แต่ถ้าแข่งแล้วไซร้ ต้องแข่งด้วยการทำความดี"


*บุญวาสนาเป็นอภินิหารหรือ 


---บุญวาสนาไม่ใช่อภินิหาร แต่สามารถอธิบายด้วยหลักเหตุผล ดังตัวอย่าง คนที่จิตสั่งสมแต่บาปหรือความชั่ว จะทำให้ใจมืดมัว กิเลสต่าง ๆ เข้ายึดครองใจได้ง่าย ทำให้ผลร้ายต่อตนเอง เช่น เวลาโกรธจัดความโกรธเข้ายึดครองใจ ทำให้หัวใจเต้นแรงผิดปกติ ระบบสูบฉีดเลือดผันแปร โลหิตมีการเผาไหม้มาก เกิดอาการร้อนผ่าวตั้งแต่หน้าอกจรดใบหน้า ปลายประสาทสั่น ความร้อนจะทำให้ผิวหยาบกร้าน ไม่มีน้ำมีนวล อาหารไม่ย่อยท้องอืด คนโกรธง่ายจึงเป็นคนเจ้าทุกข์ หงุดหงิด พูดจาห้วน แบบมะนาวไม่มีน้ำ เวลาโกรธจะขาดสติ คิดอ่านการใดก็ผิดพลาดได้ง่าย


---ส่วนคนที่จิตสั่งสมแต่บุญหรือความดี จะทำให้ใจผ่องใสอยู่เป็นปกติ กิเลสต่าง ๆ เข้ายึดครองใจได้ยาก เพราะมีสติคอยควบคุมใจไว้ คอยสอนตนเองไม่ให้ทำความชั่วได้ สามารถตักเตือนตนเองได้ จึงมีจิตใจที่สงบเยือกเย็น สดชื่นผ่องใส ระบบการทำงานของร่างกายก็เป็นปกติ มีผิวพรรณงาม เสียงไพเราะ กิริยาน่ารัก คิดอ่านการใดก็แจ่มใส ส่งผลให้มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตได้ง่าย

 

*ข้อเตือนใจ


---เมื่อทราบว่า การทำบุญเป็นการสั่งสมความดีไว้เพื่อตนเองแล้ว จึงไม่ควรประมาทในการทำบุญ ควรทำบุญเท่าที่กำลังความสามารถจะอำนวย ผู้ที่ได้สั่งสมบุญมาดีแล้วแต่เพิกเฉยในการทำบุญเพิ่ม เปรียบเสมือนชาวนาที่เก็บเกี่ยวผลิตผลแล้วแจกจ่ายขายกินหมด ไม่เหลือไว้ทำพันธุ์ต่อไปภายหน้าเลย เขาย่อมเดือดร้อนในฤดูกาลทำนาครั้งต่อไป


---ความดีทุกอย่างที่เราทำไว้ แม้จะไม่ให้ผลในปัจจุบันทันตา ก็ไม่สูญเปล่า ความดีเหล่านั้นจะรวมกันเข้าปรุงแต่งจิตใจให้ดีขึ้น สิ่งนี้แหละคือ "บุญวาสนา" เราจึงควรเร่งสร้างความดีเสียแต่บัดนี้ โดยหมั่นศึกษาวิชาการ ฝึกฝนตนเองทั้งทางด้านการปรับปรุงคำพูด ความขยันขันแข็ง ทำการงานให้ดีขึ้นและพยายามฝึกใจให้ผ่องใส ด้วยการหมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาอย่างสม่ำเสมอ คนเช่นนี้ จึงเป็นคนมีบุญวาสนาที่แท้จริง


*หลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เราต้องเร่งสร้างบุญใหม่ตั้งแต่บัดนี้ จะได้เป็นบุญเก่าติดตัวไปในวันหน้า โดยยึดหลักว่า


---๑.เช้าใดยังไม่ได้ให้ทาน เช้านั้นอย่าเพิ่งกินข้าว


---๒.วันใดยังไม่ได้ตั้งใจรักษาศีล วันนั้นอย่าเพิ่งออกจากบ้าน


---๓.คืนใดยังไม่ได้สวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนา คืนนั้นอย่าเพิ่งเข้านอน


---เราต้องอดทน ฝึกตนให้สร้างความดีเรื่อยไป แม้จะต้องกระทบกระทั่งสิ่งใด มีอุปสรรคมากเพียงไหน ก็ปักใจมั่นไม่ย่อท้อ กัดฟันสู้ตั้งใจทำความดีเรื่อยไป "น้ำหยดทีละหยด ยังสามารถเต็มตุ่มได้ฉันใด บุญที่เราหมั่นสะสมทีละน้อย ก็ย่อมสามารถเต็มบริบูรณ์ ส่งผลให้เราอย่างเต็มที่ได้ฉันนั้น



*อานิสงส์การมีบุญวาสนามาก่อน


---๑.ทำให้มีปัจจัยต่าง ๆ พร้อม สามารถทำความดีใหม่ได้โดยง่าย 


---๒.อำนวยประโยชน์ทุกอย่างดังได้กล่าวมาแล้ว


---๓.เป็นต้นเหตุแห่งความสุขทุกประการ


---๔.เป็นเสบียงติดตัวทั้งภพนี้ ภพหน้า.



*จบมงคลข้อที่ ๕ การได้กระทำบุญไว้แล้วปางก่อน*


..................................................................................





ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล

รวบรวมโดย...แสงธรรม

อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 29 กันยายน 2558

แก้ไขแล้ว ป.


Tags :

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

*

*

view

ประวัติต่างๆ

ประวัติวัดเขาไกรลาศ

ประวัติของหลวงพ่อเทียน=คลิป

มาเช็คชื่อ-เช็คสกุลกันดีกว่า=คลิป

ประวัติพระอธิการชิติสรรค์ จิรวฑฺฒโน=คลิป

ขอเชิญผู้ร่วมบุญสร้างอาศรมเสด็จปู่พระบรมพรหมฤาษีไตรโลก

ประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร

ประวัติฝ่าพระหัตถ์ของพระพุทธองค์

ประวัติของนางวิสาขา=คลิป

ประวัติของอนาถปิณฑิกเศรษฐี=คลิป

ประวัติของเศรษฐีขี้เหนียว

ประวัติเหตุทำบุญที่ช้า=คลิป

ประวัติของผู้ร่วมบุญ=คลิป

ประวัติของพระไตรปิฎก=คลิป

ประวัติการสร้างพระพุทธรูปและพระเจ้า ๕ พระองค์

ประวัติง้วนดิน

ประวัติปู่ฤาษีนารอท

ประวัติพระปางมหาจักรพรรดิ์ ทรงปราบพระเจ้ามหาชมพูบดี

ประวัตินางห้าม..แห่งขอมโบราณ

ประวัติพญานาค

ความรู้และรายละเอียดพุทธเจดีย์

พระมหาโพธิสัตว์

สาระธรรม

ธรรมะส่องใจ

อานิสงส์แต่ละอย่าง

ประเพณีต่างๆ

ตำนานทั่วไป

สาระน่ารู้

ปกิณกะธรรม

วัตถุมงคล-สาระอื่นๆ

ข้อมูลทั่วไป

ปฎิทิน

« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

สมาชิก

ลืมรหัสผ่าน?
สมัครสมาชิก

สถิติ

เปิดเว็บ20/06/2011
อัพเดท20/04/2024
ผู้เข้าชม6,689,192
เปิดเพจ10,463,481
สินค้าทั้งหมด8

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 พระบรมสารีริกธาตุ

 โจโฉ รวมเสียงธรรม

 เฟสบุ๊ค

ติดต่อเรา-

view