/music/.mp3 http://www.watkaokrailas.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 พระบรมสารีริกธาตุ

 โจโฉ รวมเสียงธรรม

 เฟสบุ๊ค

 ติดต่อเรา-แผนที่

บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า....

บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า....

บุญเราไม่เคยสร้าง

(ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า)







---“ลูกเอ๋ย  ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด  เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง  คือ  บารมีของตนลงทุน ๆ ไปก่อน  เมือบารมีของเจ้าไม่พอ  จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย  มิฉะนั้น  เจ้าจะเอาตัวไม่รอด  เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว...


---เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมาก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด  ไม่มีอะไรเหลือติดตัว...แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า  หมั่นสร้างบารมีไว้...แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง...


---“จงจำไว้นะ...


---เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้...


---ครั้นถึงเวลา...


---ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่...


---จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน  เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย  จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า....”


---นี่คือคำเทศนาของ  เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต  พรหมรังสี) ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิตหลังจากที่ท่านล่วงลับไปแล้วเมื่อ 100 กว่าปี อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดี อย่างไม่มีที่สิ้นสุด



*แต่ถ้าจำเป็นต้องขอพร...



การอธิษฐานในรูปแบบต่างๆ




พฤศจิกายน 15, 2011 โดย ธ. ธรรมรักษ์

(กดลิงค์-บน)



*1.การอธิษฐานเพื่อขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์


---การตั้งจิตอธิษฐานแบบนี้มักพบเห็นกันมากใน สังคมไทยครับคือ แต่ละคนก็จะมีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกันไปการไปอธิษฐานกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นจุดประสงค์ก็เพื่อเป็นการขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย เป็น “พลังเสริม” หรือไม่ก็ไปขอความช่วยเหลือแล้วหวังผลการอธิษฐานจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่า นั้นไปเลยตรงๆ โดยอาศัยพลังบุญของตนเองเป็นที่ตั้ง


---ยกตัวอย่างเช่นการบูชาเทวดา ผีบ้านผีเรือน ศาลเจ้า หรือแม้แต่พระสงฆ์อริยะเจ้าที่ได้ดับขันธ์ไปแล้ว โดยมีความเชื่อทางพิธีกรรมโบราณนำมาผสมผสานกับความเชื่อของพระพุทธศาสนาแล้ว ตั้งคำอธิษฐานไว้ก็เป็นการขออำนาจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นมาช่วย “ดลจิตใจ” ให้เกิดการกระทำที่ดีและอวยพรให้ชีวิตประสบความสุขและความสำเร็จ


---หลักการในการอธิษฐานก็มีความเหมือนกันกับ ที่ได้อธิบายไปข้างต้นแล้วคือ จะมีการอธิษฐานก็ต่อเมื่อได้ ประกอบบุญสร้างบุญแล้วต้องทำการ เชื่อมบุญ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นให้ท่านเหล่านั้นได้มี พลังเกื้อหนุนที่จะช่วยเหลือให้ผู้ร้องขอได้สมความปรารถนาต่อไป แต่จะได้ช้าหรือเร็วก็อยู่ที่บุญบารมีที่ได้สั่งสมกันมารวมไปถึงการกระทำใน ปัจจุบันด้วยครับว่า ได้ทำกรรมดีเอาไว้มากน้อยแค่ไหน


---ที่ต้องกล่าวว่าเราจะต้องไปขอพรหรือขอความ ช่วยเหลือนั้น เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนั้นก็เป็นภพที่อยู่สูงกว่า จึงเป็นการสมควรที่ต้องไปสักการบูชาทำความเคารพ ขอโมทนาคุณความดีของตัวท่านให้ช่วยคุ้มครองและดลใจให้เราไม่เดินทางผิดและ มุ่งหน้าทำดีต่อไปและตัวผู้ขอก็ต้องมีศรัทธาที่แรงกล้ามากพอจะจึงมีผลเชื่อม ต่อถึงการกระทำที่ได้ให้สัจจะวาจาผ่านทางการอธิษฐานไป


*ตัวอย่างคำอธิษฐานที่ปรากฏโดยการอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีดังนี้ครับ


---สวด นะโม 3 จบ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ดังนี้


---ข้าพเจ้าชื่อ………………….นามสกุล…………………………..อายุ………..ปี


---ขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ หลวงพ่อปานวัดบางนมโค หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อีกทั้ง เทวดาที่คุ้มครองพระนามว่า ……………………………และท่านท้าวพระยายมราช จงได้โปรดสงเคราะห์ ระงับกรรมที่เป็น อกุศล ที่มาตัดรอนชีวิต,อายุ,การเงิน,การงาน หรือ ความสุขในครอบครัวไว้ก่อน เพื่อที่จะให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสทำการงานที่ดีเพื่อสำเร็จประโยชน์ในทุกสิ่ง เพื่อที่จะได้บำเพ็ญบารมี ทานศีลภาวนา ในการอันสมควร และขอให้บริวารอยู่ในปกครอง อุปสรรคในกิจการงานจงอย่ามีแก่ข้าพเจ้า


---การอธิษฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ก็นับ ว่าเป็นตัวอย่างการอธิษฐานที่ดีแบบหนึ่งเพราะไม่เป็นการก่อกิเลสหรือก่อบาป กรรมให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเพราะจุดประสงค์เพื่อขอพรและโมทนาบุญ ความดีให้แก่กันและกันและมุ่งเน้นไปสู่การปฏิบัติตนให้ดีเพื่อให้ได้สิ่งที่ ปรารถนาสมความตั้งใจเอาไว้ด้วย


*2.การอธิษฐานเพื่อสิ่งที่ต้องการด้วยการบนบาน


---การบนบานศาลกล่าวนั้นความจริงแล้วก็เป็น ส่วนหนึ่งของการอธิษฐานเหมือนกันเพียงแต่ว่า นอกจากเป็นการขออำนาจบารมีของผู้มีอำนาจมาให้ช่วยแล้ว ยังมีการ “ติดสินบน” เอาไว้อีกด้วยซึ่งการบนบานนี้มีความเชื่อกันว่าหากนำสิ่งของทั้งหลายไปล่อ เพื่อเป็นการตอบแทนหลังการอธิษฐานแล้วจะยังผลให้เกิดความสัมฤทธิ์ผลเร็วขึ้น


---ของที่มักจะนำไปบูชาหรือตอบแทนก็มักจะเป็น อาหารคาวหวาน หรือการกระทำในรูปแบบต่างๆ เช่น การฟ้อนรำ,การวิ่ง หรือกิจกรรมใดๆ ที่ผู้ที่ได้มาบนมีความถนัด ซึ่งการบนบานนั้นเชื่อว่าเป็นพิธีกรรมหนึ่งที่มาจากวิชา “ไสยศาสตร์” เสียมากกว่า โดยจะดูไปถึงนิสัยเดิมของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้ที่ไปบนมีความเคารพนับถือ ว่าขณะที่เป็นมนุษย์ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร


---เช่น ขณะที่เป็นมนุษย์ชอบรับประทานเนื้อก็มักจะเอาเนื้อสดมาบูชา หรือชอบรับประทานไข่ก็เอาไข่มาบูชา ชอบดื่มเหล้า ก็มักจะเอาเหล้ามาบูชา หรือถ้าไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นท่านชอบอะไรก็มักจะเตรียมกันมา แบบครบเครื่องเผื่อเหลือเผื่อขาด ให้เลือกเอาได้ตามสบาย


---แต่โดยปกติภพภูมิของความเป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์หากเป็นระดับชั้นเทพหรือเทวดาท่านจะมีทิพย์สุขอยู่แล้วอยากได้ อะไรก็มักจะนึกเอาได้ดังใจปรารถนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นชั้นเทพจึงไม่มี ความจำเป็นต้องรับสินบนใดๆ เพราะหากเผลอไปรับก็อาจมีสิทธิ์ตกสวรรค์ไปได้ง่ายๆ เพราะเป็นการทำผิดกฎเป็นการสร้างกรรมสร้างกิเลสและ ผลกรรมก็จะตกอยู่กับผู้ที่เอาเครื่องเซ่นไหว้นี้ไปให้ท่านด้วย


---เรื่องของการเอาของมาเซ่นไหว้นี้ จริงๆ แล้วน่าจะเป็นความเชื่อเพื่อไหว้ “วิญญาณ” หรือ ผี ที่ต่ำลงมา เช่น วิญญาณบรรพบุรุษ หรือเจ้าที่ที่เคยอาศัยอยู่บริเวณนั้นซึ่งส่วนมากแล้วก็มักจะเป็นการอธิษฐาน ขอโดยมีจุดประสงค์เพื่อขอให้ช่วยปกป้องคุ้มครองให้มีความปลอดภัยและมีการ ดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติและมีความราบรื่น


---การบนบานจึงมีความแตกต่างกับการอธิษฐาน จิตตรงที่การมี “ปัจจัย”ประกอบ การอธิษฐานโดยแท้ตามที่ได้กล่าวมาจะใช้พลังจากเหตุที่จิตของตนเองมีความ บริสุทธิ์และความปรารถนาของตนเองเป็นที่ตั้งแล้วมีการตั้งสัจจะวาจาด้วยการ กระทำประกอบลงไปด้วยจึงมีสภาวะที่เหมาะสมที่จะเป็นเหตุปัจจัยให้สำเร็จตาม แรงของตนเอง


---แต่สำหรับการบนบานนั้นจะต้องอาศัยพลัง จาก”ปัจจัยอื่น” ซึ่งในที่นี้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตามความเชื่อของผู้ที่ได้มาบนบาน และสิ่งที่อธิษฐานก็เชื่อว่าไม่อาจจะเป็นจริงได้ถ้าไม่ได้รับปัจจัยที่ถูกนำ มาเป็นส่วนประกอบในการอธิษฐานครั้งนั้นๆ


*ตัวอย่างการอธิษฐานประกอบสิ่งที่นำมาบนบาน


---ได้แก่ การทำบัตรพลีเสียกบาล (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับเพราะเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล)


*ของประกอบการเซ่นไหว้ได้แก่


---นำเอาใบตองมาเย็บเป็นกระทงแบบ 4 มุม ภายในใส่ข้าวสุก 3 ทัพพี, กุ้งยำ 3 ช้อน , ปลายำ 3 ช้อน, หมาก 7 คำ, บุหรี่ 7 มวน, ธูป 1 ดอก, เทียน 1 เล่ม, ปั้นหุ่นตุ๊กตาด้วยดินเหนียว เขียนชื่อ นามสกุล ห่อด้วยผ้าแดงวางในกระทง นำไปวางที่ใกล้ทาง 3 แพร่งวางกระทงลงแล้วจุดบุหรี่, ธูปเทียน


*อธิษฐาน นะโม 3 จบแล้วเอ่ยว่า


---ข้าพเจ้า ชื่อ………….นามสกุล…………..ขอพรท่านท้าวพระยายมราชเป็นสักขีพยานในการทำบัตรพลี เสียกบาลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร,เจ้าเกณฑ์ชะตา ที่จะมาตัดรอนชีวิตอายุ, การเงิน, การงาน,ความสุขในครอบครัว จงมารับบัตรพลีไป หากมีบางส่วนที่ยังโกรธเคืองกันอยู่ ขอให้ลงโทษ หุ่นแทนตัวข้าพเจ้า เมื่อหายโกรธแล้วจงมารับบัตรพลีและรับกุศลไปด้วยเถิด


---การอธิษฐานด้วยการบนบานก็เหมือนกับการติด สินบนซึ่งในฐานะผู้เขียนแล้วเห็นว่าการอธิษฐานพร้อมกับบนบานไปด้วยนั้นเป็น การก่อ “กิเลส” ให้เพิ่มมากขึ้นกับทั้งตัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้ร้องขอเอง หากผู้ที่ขอยังไม่ได้สมความปรารถนาในทันทีก็อาจจะพาลผิดคำพูดไม่ทำการแก้บน ไปเลยเมื่อได้รับผลที่ขอนั้นช้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็อาจไม่ยกโทษให้ก่อเหตุบังตา หรือดลจิตใจให้ทำในสิ่งไม่ดี ทำให้เป็นเวรเป็นกรรมกันต่อไประหว่างมนุษย์กับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อีก


*การจะอธิษฐานได้ผลช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับ กรรมเป็นองค์ประกอบสำคัญครับ ไม่ได้อยู่ที่เครื่องเซ่นไหว้อามิสบูชาทั้งหลายอย่างที่เข้าใจกัน



*3.การอธิษฐานเพื่อการขอขมาหรือขออภัยในสิ่งที่ได้ล่วงเกิน


---การอธิษฐานประเภทนี้จัดเป็นการขอ “อโหสิกรรม”อย่างหนึ่ง ในการกระทำที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ทำการล่วงละเมิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และมี ความเชื่อว่าต้องการขอขมาไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุอัปมงคลหรือภัยอันตรายทั้ง หลายเข้ามาสู่ตัว การกระทำนั้นอาจกระทำด้วยความตั้งใจ ความคึกคะนอง หรือความพลั้งเผลอไม่ได้ตั้งใจก็ตาม เป็นการอธิษฐานขอขมาลาโทษเพื่อไม่ให้เกิดเวรกรรมต่อกัน


---การอธิษฐานแบบนี้ก็มีความเชื่ออิงกันมาทั้ง ในด้านไสยศาสตร์และพระพุทธศาสนา หากเป็นในทางไสยศาสตร์ก็จะนิยมเอาเครื่องสักการะ ของเซ่นไหว้มาทำการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้เผลอล่วงเกินนั้นเป็นส่วน ประกอบ หากเป็นทางความเชื่อทางพุทธก็จะใช้การทำบุญทำทานสร้างกุศลและอุทิศบุญไปให้ เป็นการขอขมา


*ยกตัวอย่างการใช้คำอธิษฐานทางไสยศาสตร์เพื่อจุดประสงค์ในการขอขมามีดังนี้


---มีพิธีกรรมหรือกิจกรรมในการทำบุญก่อนเช่น การปล่อยสัตว์น้ำอย่างปลา,เต่า,กบ, หรือหอยขม การทำสังฆทานหรือไปถวายไทยธรรมแก่พระภิกษุเสร็จแล้วก็ทำการอธิษฐานอุทิศส่วน บุญกุศล ไปให้เจ้ากรรมนายเวรหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ล่วงเกินโดยว่า


*นะโม 3 จบแล้วต่อด้วยคำอธิษฐานขอขมาว่า


---ข้าพเจ้าขอพร ท่านท้าวพระยายมราช จงเป็นสักขีพยาน “อิ ทังบุญพลัง” ผลบุญใดที่ได้บำเพ็ญแล้ว ณ.โอกาสนี้ ผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้เจ้ากรรมนายเวรเจ้าชะตา ที่มาตัดรอนชีวิต อายุการเงิน การงาน ความสุขในครอบครัว จงโมทนาไปและอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด


---หรืออาจกล่าวอุทิศกุศลเพิ่มเติมให้แก่ เจ้ากรรมนายเวรที่จะมาตัดรอนเรื่องโรค……………………… เจ้ากรรมนายเวร ชื่อ……………….ในสมัย………………..จงโมทนาไปและอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด


---ในทางพระพุทธศาสนาก็มีปรากฏเรื่องการขอขมา ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนาเช่นกันครับบางคนอาจพลั้งเผลอสติในการพูด จาพูดลบหลู่หรือได้มีการทำการล่วงเกินพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์ด้วยเจตนาก็ดีหรือไม่ก็ตามก็จะมีคำอธิษฐานขอขมาโดยว่าดังนี้


*คำขอขมาพระรัตนตรัย


---ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วว่า


---“สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต


---ข้าพเจ้า ชื่อ……………….สกุล ………….. หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ทั้งหลาย(ได้แก่ท่าน…………….ถ้าหากรู้นามท่านให้กล่าวด้วย ) ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกาย หรือวาจาก็ดีหรือ ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดีหรือไม่เจนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี


---ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าการเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ”


---เรื่องการขอขมานี้ ถ้าเป็นในทางปฏิบัติหากเป็นเรื่องของสงฆ์ในพระพุทธศาสนาแล้วจะใช้ “การอยู่กรรม” เป็นการชำระหนี้และขออภัยในความผิด คือ นอกจาก การปลงอาบัติคือการยอมรับผิดแล้วยังต้องชดใช้ด้วยการกระทำอีกด้วย เช่น หากพระภิกษุกระทำความผิดในขั้นใดก็ต้องรับการลงโทษหรืออยู่กรรมด้วยการกระทำ ที่สมควรแก่กรรมนั้น เพราะพระพุทธองค์ทรงเน้นถึง กฎแห่งกรรม เป็นหลักและสอนให้กลัวบาปและผลของการกระทำบาปนั่นเอง


---ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งฝากแนะนำทุกท่านว่า การทำผิดหรือคาดว่ามีความผิด โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว เจตนาหรือไม่เจตนา ควรทำการขอขมาเสีย เพื่อช่วยปัดเป่าอุปสรรคที่จะขัดขวางให้แรงอธิษฐานนั้นไปไม่ถึง


---ขอให้ปาฏิหาริย์แห่งการอธิษฐาน ดลบันดาลให้ทุกท่านพบกับทุกสิ่งที่ปรารถนา....





................................................................




ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล

รวบรวมโดย...แสงธรรม

อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 29 กันยายน 25558


Tags :

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

*

*

view

ประวัติต่างๆ

ประวัติวัดเขาไกรลาศ

ประวัติของหลวงพ่อเทียน=คลิป

มาเช็คชื่อ-เช็คสกุลกันดีกว่า=คลิป

ประวัติพระอธิการชิติสรรค์ จิรวฑฺฒโน=คลิป

ขอเชิญผู้ร่วมบุญสร้างอาศรมเสด็จปู่พระบรมพรหมฤาษีไตรโลก

ประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร

ประวัติฝ่าพระหัตถ์ของพระพุทธองค์

ประวัติของนางวิสาขา=คลิป

ประวัติของอนาถปิณฑิกเศรษฐี=คลิป

ประวัติของเศรษฐีขี้เหนียว

ประวัติเหตุทำบุญที่ช้า=คลิป

ประวัติของผู้ร่วมบุญ=คลิป

ประวัติของพระไตรปิฎก=คลิป

ประวัติการสร้างพระพุทธรูปและพระเจ้า ๕ พระองค์

ประวัติง้วนดิน

ประวัติปู่ฤาษีนารอท

ประวัติพระปางมหาจักรพรรดิ์ ทรงปราบพระเจ้ามหาชมพูบดี

ประวัตินางห้าม..แห่งขอมโบราณ

ประวัติพญานาค

ความรู้และรายละเอียดพุทธเจดีย์

พระมหาโพธิสัตว์

สาระธรรม

ธรรมะส่องใจ

อานิสงส์แต่ละอย่าง

ประเพณีต่างๆ

ตำนานทั่วไป

สาระน่ารู้

ปกิณกะธรรม

วัตถุมงคล-สาระอื่นๆ

ข้อมูลทั่วไป

ปฎิทิน

« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

สมาชิก

ลืมรหัสผ่าน?
สมัครสมาชิก

สถิติ

เปิดเว็บ20/06/2011
อัพเดท20/04/2024
ผู้เข้าชม6,691,184
เปิดเพจ10,466,280
สินค้าทั้งหมด8

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 พระบรมสารีริกธาตุ

 โจโฉ รวมเสียงธรรม

 เฟสบุ๊ค

ติดต่อเรา-

view