คิริมานนทสูตร
(พระยาธรรมมิกราชสูตร)
---อานนฺท “ดูกรอานนท์ ธรรมนี้ชื่อว่าพระยาธรรมิกราช เพราะเป็นใหญ่กว่าธรรมทั้งหลาย ข้อที่เราตถาคตได้ตรัสไว้แล้วในธรรมหมวดนี้คือได้ชี้นรก สวรรค์ พระนิพพาน กิเลสตัณหา โดยจะแจ้งสิ้นเชิง เมื่อผู้ใดได้ฟังแล้วปรารถนาสุขทุกข์ประการใด ก็จงเลือกประพฤติตามความปรารถนา"
---"พระสูตรที่ชื่อ พระยาธรรมิกราช" นี้ แปลว่า ธรรมที่เป็นใหญ่กว่าธรรมทั้งหลาย หรือราชาแห่งธรรมทั้งปวง พระยาธรรมมิกราช คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ ผู้เกิดจากการตรัสรู้ด้วยตนเอง ไม่ใช่พระเจ้าจักรพรรดิ์ที่เกิดจากผลบุญอานิสงค์ไม่
---องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์จึงมิใช่พระเจ้าจักรพรรดิ์ทั่วไป และไม่สามารถเทียบกันได้เลย หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เคยสอนลูกศิษย์ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ คือ ผู้ที่มีบุญบารมีมากกว่าองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นผู้คุ้มครองปกป้องพระศาสนาและองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ เกิดจากฆราวาสผู้ตรัสรู้ธรรมด้วยตนเอง จึงเป็นการยากยิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในโลกนี้ เป็นผู้คุ้มครองปกป้องพระศาสนา และคุ้มครองโลกนี้
---องค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่พบเจอได้ยากแล้ว แต่การจะหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ พบเจอได้ยากยิ่งกว่า
---จากที่ได้หาข้อมูล มาทั้งหมด ในอดีตองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงเครื่องพระบรมมหาจักรพรรดิ์ มีพระองค์เดียว คือ องค์พระปฐม(องค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรก)
---ในกึ่งพุทธกาลนี้จะเกิดพระยาธรรมิกราช ขึ้นซึ่งจะทำให้พระพุทธศาสนาเจริญถึงขีดสุด คล้ายกับองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีพระชนน์ชีพอยู่
---ในกัปป์นี้แก้วพระจำองค์ขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์เป็นดังนี้
*1.พระกกุสันธพุทธเจ้า
---หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัย เป็นพระโพธิสัตว์ หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัปป์ ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์
---เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 40,000 พรรษา พระสรีระสูง 40 ศอก หรือ 20 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 10 เดือน พุทธรังสีสร้านไปไกล 10 โยชน์ (160 กิโลเมตร) พระแก้วประจำองค์ พระแก้วขาว หน้าตักกว้าง 20 วา
*2.พระโกนาคมพุทธเจ้า
---หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์
---เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 30,000 พรรษา พระสรีระสูง 30 ศอก หรือ 15 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 1 เดือน พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์ พระแก้วประจำองค์ พระแก้วเหลือง หน้าตักกว้าง 15 วา
*3.พระกัสสปพุทธเจ้า
---หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์
---เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 20,000 พรรษา พระสรีระสูง 20 ศอก หรือ 10 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์ พระแก้วประจำองค์ พระแก้วน้ำเงิน หน้าตักกว้าง 10 วา
*4.พระศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า
---หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 4 องไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีก 24 พระองค์ ซึ่งน้อยมาก
---เป็นปัญญาพุทธเจ้า อายุไขย 80 พรรษา พระสรีระสูง 4 ศอก หรือ 2 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 6 ปี พุทธรังสีสร้านไปข้างละ 1 วา เป็นปกติ พระแก้วประจำองค์ พระแก้วเขียว(เขียวมรกต) หน้าตักกว้าง 5 วา
*5.พระอริยเมตตรัยพุทธเจ้า
---หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 16 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 477,029 พระองค์
---เป็นวิริยะพุทธเจ้า อายุไขย 80,000 พรรษา พระสรีระสูง 80 ศอก หรือ 40 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน พุทธรังสีสร้านไปไกล ยังกำหนดไม่ได้ พระแก้วประจำองค์ พระแก้วแดง และทรงเครื่องบรมมหาจักรพรรดิ หน้าตักกว้าง 20 วา
---พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมีพระแก้วประจำองค์ และมีได้ตั้งแต่ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่และจะปรากฎชัดขึ้น ตามความเข้มข้นของบารมีที่สร้าง ยุคพระศรีก็จะมีพระแก้วแดงทำจากทับทิมแดง ปัจจุบันนี้ประดิษฐานเตรียมไว้แล้ว ณ ภูมิทิพย์ ซึ่งซ้อนอยู่กับ สถานที่แห่งหนึง และพระแก้วแดงจะปรากฎออกมา เมื่อถึงยุคพระศรีพระแก้วคู่บารมีของพระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันก็คือพระแก้วมรกต
*ส่วนพระแก้วคู่บารมีของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆเป็นพุทธนิมิตอยู่ที่พระนิพพานคู่วิมานพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์
---พระธรรม จะเริ่มเปล่งรัศมีฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่ง ก็ต่อเมื่อมีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้นอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระ ผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้ง 2 พระองค์สถิต ณ เบื้องตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปถึง 5000 พระวัสสา
---ใน กระทู้หนึ่งมีผู้สงสัยว่า ธรรมมิกราชโพธิญาณ(พระยาธรรมมิกราช) อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ก็เข้าใจผิดไปว่า พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ มีบุญบารมีว่ากว่า ธรรมมิกราชโพธิญาณ(พระยาธรรมมิกราช) ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และคำตอบที่ถูกต้องอธิบายอยู่ข้างล่างนี้ครับ
---องค์ สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ตอนที่มีพระชนน์ชีพอยู่มีท่านใดบ้างคอยอุปถัมถ์ ที่เป็นทั้ง ฆราวาส คือใคร และที่เป็นพระสงฆ์ คือใคร
*ถ้าท่านที่สังเกตุให้ดีซักนิดหนึ่ง
---1.ผู้ถูกอุปถัมถ์มีบุญบารมีมากกว่าผู้อุปถัมถ์
---2.ขึ้นชื่อว่า องค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ไม่เคยเจาะจงไปอุปถัมถ์ ผู้หนึ่งผู้ใด มีแต่ผู้ปรารถนาอุปถัมถ์พระองค์ทั้งสิ้น
---3.ในกึ่งพระพุทธศาสนา พระเถระ ผู้ทรงธรรมฤทธิ์ คือ ผู้อุปถัมถ์พระยาธรรมมิกราช แล้วพระยาธรรมมิกราชจะมีบุญบารมีมากขนาดไหน
---พระเถระ ผู้ทรงธรรมฤทธิ์ คือ พระมหาเถระโพธิสัตว์ เชี่ยวชาญทางอภิญญาในสุวรรณภูมิ ที่อยู่ในหนังสือทิพย์อำนาจ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นผู้บอกไว้มีใจความว่า
---พุทธ ปรินิพพานมา พระพุทธศาสนาจะกลับเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสูงสุดคล้ายสมัยพุทธกาล พระมหาเถระโพธิสัตว์ ผู้มีบุญญาภิสมภาร มีอิทธาภินิหาร เชี่ยวชาญทางอภิญญาในสุวรรณภูมิ จะได้เป็นประธานาธิบดีสงฆ์ ทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยังนานาประเทศ เริ่มต้นที่อินเดียไปยุโรปและอเมริกา
*ที่มา...
---อยู่ในหนังสือทิพยอำนาจ ของลูกศิษย์ท่าน หลวงปู่มั่น ท่านว่าท่านไม่สามารถมีอายุให้ถึงวันนั้นได้นะครับ
---พระมหาเถระโพธิสัตว์ คือพระมหาโพธิสัตว์ที่บวชในพระศาสนา ซึ่งมีบุญและบารมีมากกว่าพุทธสาวกทั่วไปมาก ในศิลาจารึก ใช้คำว่า ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา
---พระมหาเถระโพธิสัตว์ ผู้อุปถัมถ์พระยาธรรมมิกราช แล้วพระยาธรรมมิกราชจะมีบุญบารมี มากมายขนาดไหน ไปพิจารณากันเองหาข้อมูลได้มาแบบนี้
*ขยายความ
---ธรรมมิกราชโพธิญาณ คือ ญาณของ พระยาธรรมมิกราช ซึ่งพระยาธรรมมิกราช จึงไม่ใช่พระเจ้าจักรพรรดิ์ที่เกิดจากผลบุญอานิสงค์ไม่
---พระยาธรรมมิกราช คือ องค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ เกิดจากฆราวาสผู้ตรัสรู้ธรรมด้วยตนเอง จึงเป็นการยากยิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในโลกนี้
---พระยาธรรมิกราช" นี้ แปลว่า ธรรมที่เป็นใหญ่กว่าธรรมทั้งหลาย หรือราชาแห่งธรรมทั้งปวงฯ
..................................................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 29 กันยายน 2558
https://drive.google.com/drive/folders/1t2GhfSg_DDfW_DEyXvSfzQhnTCEN9Bvr?usp=sharing
------พระธรรมิกราช พรรคพิทักษ์ไทย สหชาติธรรมิกราช,มาจากไหน มาจาก พุทธพยากรณ์ของพระศาสดา และ พยากรณ์ถิ่นกาขาว –นารีขี่ม้าขาว ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ที่ได้แสดงอย่างชัดเจน รับรอง กลุ่มสหชาติธรรมิกราชทำงานในนาม พระธรรมิกราช (ในรอบพุทธศาสนา5,000ปี มีการรับรองพียงครั้งเดียวในโลกและโอกาสเดียวเท่านั้น ที่พุทธบริษัท จะมีข้ออ้างในการ สังคายนาและปฏิรูปพุทธศาสนาให้ถูกต้อง(ธรรมตามกาล )และปกป้องศาสนาจากศัตรูต่างๆได้ หากพุทธบริษัท4 พลาดโอกาสนี้ ที่พระศาสดาและพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์รับรองไปแล้ว พุทธศาสนาจะไม่มีข้ออ้างไดรวมศาสนา และปฏิรูปสังคายนาให้ถูกต้องอีกเลย ////(หลักการพุทธศาสนาแท้จริง คือทุกข์ สมุทัย นิโรท มรรค – ให้ยึดถือการวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อปล่อยวางจิตให้เป็นกลาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวตน และสิ่งได ดังนั้นทุกสถานธรรม เช่นวัด ต้องมีสถานที่วิปัสสนากรรมฐานเป็นหลัก และรับ ผู้เดินทางมาเยื่ยมเยือน ทุกนิกายเพื่อแนะแนวทางวิปัสสนากรรมฐาน ส่วนการปกครอง ให้เป็นไปตาม ระบบการปกครองประเทศ และผู้มีอำนาจในถิ่นๆนั้นกำหนด พระภิกขุสงฆ์ คือประชาชนผู้ร่วมปกครองจึงสามารถยุ่งการเมืองได้ย่อมมีสิทธิ์เสรีภาพในการเลือกผู้นำประเทศ หรือเลือกตั่งได้ นี่คือธรรมตามกาล)//// ที่พระพุทธองค์เจตนา ให้ปฏิบัติในกึ่งพุทธกาลนี้ โดยพระศาสดาและพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ยุ่งการเมืองได้ )////หากไม่ทำตามพระพุทธองค์ศาสนาจะถึงกาลอวสานไม่นานโดยศัตรูทางศาสนาจะเข้ามาทำลายหมดสิ้นเพราะชาวพุทธจะปกป้องตัวเองไม่ได้ และการเข้าใจผิดหลักการพุทธบริษัททำให้ศาสนาพุทธสลายไป---สมาชิก สหชาติธรรมิกราช หน้าที่คือแก้ไข ปฏิรูป สังคายนา เพื่อปกป้องพระศาสนาและประชาชนสำหรับประเทศไทย (ส่วนที่อื่นๆธรรมตามกาล ตามดุลพินิจ ของผู้นำในแต่พื้นที่แต่ละประเทศแต่ละกลุ่มซึ่งแตกต่างกันไป แต่ต้องรักษาหลักการพุทธศาสนาไว้ )การรับรองพระธรรมิกราช พุทธศาสนาคือศาสนาจริงพระผู้มีพระภาคเจ้ามีตัวตนและอิทธิฤทธิ์ต่างๆจริง (แต่พระอรหันได้เข้านิพพานไปแล้วไม่มายุ่งทางโลกอีกเลย ดังนั้นหน้าที่ปกป้องพระศาสนาจึงเป็นของคนที่มีกิเลสทำงานคือพุทธบริษัท พระโพธิสัตว์และพระอริยะ) อนาคตพุทธศาสนาจะเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งโลก ด้วยหลักฐานพุทธพยากรณ์ รับรองนี้ ผู้คนจะยกย่องบูชาพระพุทธเจ้ามานับถือพุทธมากยิ่งขึ้น ดังนั้นบุคคลที่ต่อต้าน คำบอกสอนของพระศาสดาคือมาร แท้จริง ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครและชาวพุทธต้องต่อต้าน
----วิธีเข้าร่วมและการเป็นสมาชิก สหชาติธรรมิกราช คือการร่วมกระจายข่าวสารทั่วโลก เข้าร่วมขบวนการขี่ม้าขาว ร่วมฟ้องคดีกบฏโจรกาขาว ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ และไทยเพื่อปกป้องพระศาสนา ประชาชนและประเทศ นิรโทษกรรมทางการเมืองโดยใช้ข้อมูลฟ้องของผม ธานนท์ คนขยัน ซึ่งแปลแล้วตรงกับคำพยากรณ์พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ในนาม สหชาติธรรมิกราช คนหนึ่ง (แกนนำและที่ปรึกษาพิเศษของ ขบวนการขี่ม้าขาว ซึ่งจะตรงกัน ตามคำพยากรณ์ พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ พยากรณ์ถิ่นกาขาว นารีขี่ม้าขาว (สมเด็จพุทธาจารย์โต -หลวงพ่อฤษีลิงดำ และ อีกองค์ไม่แสดงชื่อ) ซึ่งปรากฏเป็นผู้ร่วมพยากรณ์นารีขี่ม้าขาว เป็นหลักฐานยืนยัน ตัวตนพระธรรมิกราชโพธิญาณ คือกลุ่มอุดมการณ์ทางการเมือง (หนึ่งนารีขี่ม้าขาว)--หน้าที่ของสมาชิก สหชาติธรรมิกราช (ปกป้องศาสนาและประชาชน แก้ไขกฎหมายการเมืองประเทศ ปฏิรูปพุทธศาสนา สังคายนาพระไตยปิฏก(ธรรมตามกาล) ร่วมจัดตั่งพรรค พิทักษ์ไทย สหชาติธรรมิกราช และสมาชิกท่านไดมีความพร้อมสามารถจัดตั่งพรรคได้เลยทันทีไม่ต้องปรึกษาผม และปฏิบัติงานในนาม พระธรรมิกราช ได้ต่อไปตามนโยบายพรรคและหลักการพุทธศาสนา—การช่วยเหลือประชาชนปกป้องพระสงฆ์ ประเทศชาติ ให้พ้นภัย โดยการประชาสำพันธ์ความจริงคดี กบฏกาขาว ย่อมได้กุศลมหาศาล-สหชาติธรรมิกราช ปกป้องพระศาสนา มารจะทำลายพระศาสนาไม่ได้ วัดได ต้องคดี กลุ่มการเมืองได มีภัยเพราะกบฏรัฐอิสลาม พวกกาขาว แค่เอาข้อความแผ่นพลับ (หนึ่งนารีขี่ม้าขาว) ไปแจก รอบวัด ให้คนข้างวัดรับรู้ให้ทั่วถึง ให้นักการเมืองรู้ข่าว ความศรัทธา ต่อพระสงฆ์ และพระพุทธศาสนา ความสามัคคีของประชาชนในชาติจะกลับคืนมาทันที ศัตรูทางศาสนาจะไม่สามารถแตะต้องได้ นี่คือจุดประสงค์ ของพระศาสดา และ พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์